ทำความรู้จัก “Soft Saving” เทรนด์ออมเงินของคนรุ่นใหม่
Soft Saving คืออะไร เป็นวิธีการออมเงินแบบไหน มีวิธีในการออมอย่างไร มีข้อดี-ข้อควรระวังอย่างไร วิธีการออมแบบ Soft Saving เหมาะกับใคร รวมสิ่งที่ควรรู้ให้ จาก FINN
เมื่อยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงไป แม้แต่เทรนด์การออมเงินก็เปลี่ยนแปลงตาม มาทำความรู้จัก Soft Saving เทรนด์การออมเงินแบบใหม่ ที่ชาว Gen Z และคนยุคใหม่นิยมนำมาใช้ออมเงิน!!
Soft Saving คืออะไร ?
Soft Saving คือเทรนด์การออมเงิน หรือวิธีเก็บเงินที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดการออมเงินแบบดั้งเดิมที่เน้นการเก็บเงินเพื่ออนาคตเป็นหลัก โดยแนวคิดนี้มุ่งเน้นการใช้เงินกับตัวเองในปัจจุบันมากขึ้น เก็บเงินเพื่ออนาคตน้อยลง เป้าหมายของ Soft Saving คือการสร้างความสุขและความพึงพอใจในชีวิตตอนนี้ มากกว่าการทุ่มเทเพื่อเก็บเงินจำนวนมากเพื่อการเกษียณ กล่าวได้ว่า Soft Saving เป็นวิธีในการออมเงินที่ถูกปรับให้เข้ากับเทรนด์การทำงานในปัจจุบัน คือ Work Life Balance ซึ่งพยายามบาลานซ์ความสำคัญของการทำงานเก็บเงิน ให้มีความสำคัญเท่า ๆ กันกับสุขภาพจิตใจ และคุณภาพชีวิตของตัวเองในปัจจุบันนั่นเอง
วิธีทำ Soft Saving
ได้ทราบกันไปแล้วว่าเทรนด์การออมเงินแบบ Soft Saving คืออะไร เชื่อว่าต้องมีหลายคนที่สนใจ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มออมเงินแบบนี้กันอย่างไรใช่ไหม FINN มีวิธีการออมเงินแบบ Soft Saving มาฝากให้ ซึ่งจะมีขั้นตอนในการออมเงิน ดังนี้
- วางแผนการเก็บออมที่ยืดหยุ่น : การทำ Soft Saving เริ่มต้นจากการวางแผนการเก็บออมที่ยืดหยุ่น ไม่เน้นการเก็บออมในอัตราที่สูงเกินไป แต่ยังคงมีการออมเงินไว้เพื่ออนาคต สิ่งสำคัญคือการสร้างสมดุลระหว่างการเก็บเงิน และการใช้จ่ายในสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความสุขในปัจจุบัน
- ให้ความสำคัญกับค่าใช้จ่ายที่มีความหมาย : แทนที่จะประหยัดเงินในทุกด้าน การทำ Soft Saving นั้นจะให้ความสำคัญในการใช้จ่ายกับสิ่งที่สร้างความสุขหรือพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น การเดินทาง ท่องเที่ยว หรือการพัฒนาทักษะส่วนบุคคล
- ออมเงินตามสัดส่วนที่เหมาะสมกับรายได้ : การออมเงินในแบบของ Soft Saving นั้นจะไม่ต้องเคร่งครัดเหมือนการออมแบบดั้งเดิม แต่ควรมีการออมเงินในสัดส่วนที่ไม่เป็นภาระต่อการใช้ชีวิต เช่น การออม 10-20% ของรายได้ เพื่อให้ยังมีเงินสำรองในยามฉุกเฉิน และสำหรับอนาคต ขณะเดียวกันก็มีงบประมาณสำหรับการสร้างความสุขให้กับตัวเองในปัจจุบัน
- มีการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าของเงิน : ถึงแม้ Soft Saving จะไม่เน้นการออมในอัตราที่สูง แต่ก็ควรมีการลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนในระยะยาว เช่น กองทุนรวม หรือหุ้น ซึ่งจะช่วยให้เงินออมที่มีอยู่เติบโต และเพิ่มมูลค่าได้นั่นเอง
- วางแผนการเงินระยะสั้น และยาวอย่างสมดุล : การทำ Soft Saving ควรมีการวางแผนการเงินที่ครอบคลุมทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยไม่ทิ้งแผนการออมสำหรับอนาคต เพราะแม้ว่าจะให้ความสำคัญกับการใช้เงินสร้างความสุขในปัจจุบัน แต่การวางแผนการเงินทั้งระยะสั้น และระยะยาวก็เป็นสิ่งที่จะละเลยไปไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นการทำลายสุขภาพทางการเงินของตนเอง
ขั้นตอนเหล่านี้เป็นวิธีที่จะทำการออมเงินในรูปแบบ Soft Saving ที่ไม่ว่าใคร ๆ ก็สามารถเริ่มทำได้ จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า แม้เราจะให้ความสำคัญกับการใช้เงินเพื่อความสุขในปัจจุบัน แต่การวางแผนการเงินในอนาคตนั้นก็จะไม่ถูกทิ้ง หรือละเลยไปนั่นเอง
Soft Saving มีข้อดีอย่างไร ?
หากจะพูดถึงข้อดีของการออมเงินแบบ Soft Saving แล้ว ความจริงแล้วการเลือกออมเงินด้วยวิธีนี้นั้นมีข้อดีมากมาย โดยการออมเงินแบบ Soft Saving จะมีข้อดีดังนี้
- สร้างสมดุลระหว่างการออม และการใช้ชีวิต : การออมแบบ Soft Saving ช่วยให้เราสามารถจัดสรรเงินเพื่อการออมสำหรับอนาคตได้ ในขณะเดียวกันก็ยังมีเงินเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในสิ่งที่ทำให้ชีวิตปัจจุบันมีความสุข ทำให้ไม่รู้สึกกดดันหรือเครียดในการเก็บเงินมากเกินไป
- ลดความเครียดและความกังวลทางการเงิน : Soft Saving ช่วยให้มีความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน ทำให้ลดความเครียดในการเก็บออมตามเป้าหมายที่ตึงเครียดเกินไป ผู้ที่ออมเงินในรูปแบบนี้จะมีความรู้สึกสบายใจมากขึ้นในการใช้ชีวิต และมีความสุขกับการใช้เงิน
- เพิ่มคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน : แนวคิดของ Soft Saving ให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายเงินเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดี เช่น การท่องเที่ยว การเข้าร่วมกิจกรรมที่สนุกสนาน หรือการพัฒนาตนเอง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น และทำให้ชีวิตประจำวันมีความหมายมากขึ้น
- ยังคงมีการออมเพื่ออนาคต : แม้ว่าการออมแบบ Soft Saving จะไม่ได้เน้นการเก็บเงินอย่างเข้มงวดเหมือนวิธีการออมแบบเดิมๆ แต่ก็ยังมีการจัดสรรเงินบางส่วนสำหรับอนาคต เพื่อให้มั่นใจว่าหากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นยังมีเงินสำรองไว้ใช้
- เหมาะกับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ : การออมเงินแบบ Soft Saving ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการชีวิตที่สมดุลระหว่างงาน และการพักผ่อน ไม่เน้นการเก็บเงินเพื่อเกษียณเร็ว แต่เน้นการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพในปัจจุบัน และมีความสุขกับสิ่งที่ทำ
Soft Saving มีข้อควรระวังอย่างไร ?
แม้ว่า Soft Saving จะช่วยให้เราสร้างสมดุลระหว่างการออม และการใช้จ่ายเพื่อความสุขในปัจจุบันได้ แต่ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญเพราะการเน้นการใช้จ่ายในปัจจุบันมากเกินไปอาจทำให้ขาดเงินสำรองในอนาคต หรือในยามฉุกเฉินได้ ดังนั้นควรจัดสรรการออมอย่างเหมาะสม และระมัดระวังไม่ให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัว อีกทั้งควรตรวจสอบ และประเมินสถานะทางการเงินของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการออมในอนาคตยังคงเพียงพอสำหรับความต้องการที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ควรวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ และมีแผนสำรองในกรณีที่รายได้ไม่มั่นคงด้วยนั่นเอง
การออมเงินแบบ Soft Saving เหมาะกับใคร ?
- Soft Saving เหมาะกับคนรุ่นใหม่ที่ต้องการสมดุลระหว่างการออม และการใช้ชีวิต
- Soft Saving เหมาะกับผู้ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเอง และสุขภาพจิต
- Soft Saving เหมาะกับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเครียดจากการออมเงินอย่างเข้มงวด
- Soft Saving เหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้เงินเพื่อสร้างประสบการณ์ และความสุขในปัจจุบัน
- Soft Saving เหมาะกับผู้ที่มีรายได้น้อย ต้องการความยืดหยุ่นในการออม
และทั้งหมดนี้ก็คือเรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับการออมเงินแบบ Soft Saving ที่ FINN ได้รวบรวมมาฝากให้ สำหรับใครที่ต้องการปรึกษาด้านการเงินเพิ่มเติม หรือต้องการใช้บริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตนเองมาใช้ก็ปรึกษา FINN ได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย