เป็นโรคซึมเศร้า ทำประกันได้หรือไม่ อยากวางแผนจัดการความเสี่ยงในอนาคตต้องทำอย่างไร ?

โรคซึมเศร้า เป็นปัญหาทางสุขภาพจิตที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในวงกว้าง เนื่องจากมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย และคนรอบข้างเป็นอย่างมาก โรงพยาบาลพญาไทให้ข้อมูลสถิติคนเป็นซึมเศร้าในไทยว่า พบว่ามีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าถึง 1.5 ล้านคน หรือ 2.2% ของคนไทยทั้งหมด 69 ล้านคน และน่าตกใจว่าคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จถึง 4,000 คนต่อปี ซึ่งถือเป็นจำนวนตัวเลขที่น่ากลัว

ทั้งนี้หลายคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล รวมถึงสิทธิในการทำประกันสุขภาพ และประกันชีวิต ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารความเสี่ยงทางการเงินของตนเอง วันนี้เราจะมาหาคำตอบว่า เป็นโรคซึมเศร้า ทำประกันได้หรือไม่ ? รวมถึงแนวทางการวางแผนจัดการความเสี่ยงในอนาคตให้รอบคอบไปพร้อมกัน

โรคซึมเศร้า คืออะไร ?

โรคซึมเศร้า เป็นโรคทางอารมณ์ที่มีผลกระทบต่อความคิด พฤติกรรม และร่างกายของผู้ป่วย ผู้ที่เป็นซึมเศร้ามักมีอารมณ์ซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง รู้สึกหมดหวัง ขาดความสนใจในกิจกรรมที่เคยชอบ บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน สาเหตุของโรคซึมเศร้าอาจเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม สารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล หรือผลกระทบจากเหตุการณ์ในชีวิตที่กระทบกระเทือนจิตใจ หรือส่งผลต่อสภาวะอารมณ์อย่างรุนแรง

จะทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นโรคซึมเศร้าหรือไม่ ?

การวินิจฉัยโรคซึมเศร้าจำเป็นต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยอาการเบื้องต้นที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอาจเป็นซึมเศร้า ได้แก่

• รู้สึกเศร้า หรือหดหู่ต่อเนื่องเป็นเวลานาน
• ขาดความสนใจ หรือความสุขในกิจกรรมที่เคยสนุก
• มีปัญหาการนอน เช่น นอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
• รู้สึกอ่อนล้า ไม่มีพลังงาน
• มีปัญหาด้านสมาธิ หรือการตัดสินใจ

มีความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตาย หากมีอาการเหล่านี้ต่อเนื่องนานเกิน 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาอย่างเหมาะสม

โรคซึมเศร้า ค่ารักษาแพงไหม ?

ในส่วนของผู้ที่กังวลเรื่องอัตราค่ารักษาพยาบาล โดยทั่วไปแล้วค่ารักษาโรคซึมเศร้าอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทของการรักษา 

• การพบแพทย์ และจิตแพทย์ ค่าตรวจเริ่มต้นประมาณ 500 - 2,000 บาทต่อครั้ง
• ค่ายา เช่น ยาต้านซึมเศร้า อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 500 - 3,000 บาทต่อเดือน
• การบำบัดทางจิตวิทยา (Psychotherapy) อาจมีค่าใช้จ่ายประมาณ 1,000 - 5,000 บาทต่อครั้ง ทั้งนี้หากมีประกันสุขภาพ หรือสิทธิประกันสังคม อาจช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้

โรคซึมเศร้า หายขาดได้หรือไม่ ?

โรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม เช่น การใช้ยา การทำจิตบำบัด และการปรับพฤติกรรม แม้ว่าผู้ป่วยบางรายอาจต้องเผชิญกับภาวะซึมเศร้าเป็นระยะ แต่ด้วยการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง โอกาสในการกลับมาใช้ชีวิตปกติก็เป็นไปได้สูง และปัจจุบันมีผู้ที่ได้รับการประเมินจากแพทย์ว่าหายจากการเป็นซึมเศร้า แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกัน

โรคซึมเศร้า ทำประกันสุขภาพได้หรือไม่ ?

การทำประกันในขณะที่มีภาวะซึมเศร้าอาจมีข้อจำกัด เนื่องจากบริษัทประกันมักพิจารณาความเสี่ยงด้านสุขภาพของผู้สมัคร หากมีประวัติการเป็นซึมเศร้ารุนแรง หรือเคยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล บริษัทประกันอาจปฏิเสธการทำประกัน อย่างไรก็ตามหากสามารถควบคุมอาการได้ดี และไม่มีภาวะแทรกซ้อน อาจมีโอกาสได้รับความคุ้มครองบางประเภท 

ซึมเศร้า ประกันชีวิตทำได้หรือไม่ ?

การทำประกันชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้ามีข้อจำกัดขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัทประกัน โดยทั่วไปหากโรคซึมเศร้ายังอยู่ในระยะที่ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง หรือเคยมีประวัติพยายามทำร้ายตัวเอง อาจถูกปฏิเสธการทำประกันชีวิตได้ อย่างไรก็ตามหากสามารถควบคุมอาการได้ดี หรือไม่มีอาการกำเริบมานานหลายปี บางบริษัทประกันอาจพิจารณาอนุมัติให้ทำประกันได้ ภายใต้เงื่อนไขเบี้ยประกันที่อาจสูงกว่าปกติ 

ต้องหายจากโรคซึมเศร้ากี่ปีถึงจะทำประกันได้ ?

โดยทั่วไปบริษัทประกันจะพิจารณาประวัติสุขภาพย้อนหลังประมาณ 3-5 ปี หากสามารถควบคุมอาการได้ดี ไม่ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง และไม่มีอาการกำเริบ อาจมีโอกาสได้รับการอนุมัติจากบริษัทประกันมากขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบายของแต่ละบริษัทประกันอาจแตกต่างกัน ควรสอบถามข้อมูล และเงื่อนไขต่าง ๆ โดยตรงจากบริษัทประกันที่สนใจเพื่อความถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน

โรคซึมเศร้า ใช้สิทธิประกันสังคมได้ไหม ?

สิทธิประกันสังคมสามารถใช้สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้าได้ โดยสามารถเข้ารับบริการที่โรงพยาบาลตามสิทธิได้ฟรี ทั้งนี้สิทธิประกันสังคมครอบคลุมทั้งค่าใช้จ่ายในการตรวจวินิจฉัย ค่ายา และการรักษาทางจิตเวช อย่างไรก็ตามควรตรวจสอบรายละเอียดสิทธิ์ที่ได้รับจากสำนักงานประกันสังคมก่อนเข้ารับบริการ หรือสอบถามจากโรงพยาบาลตามสิทธิอีกครั้งเพื่อความแน่นอน

เป็นซึมเศร้า ควรวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างไร ?

เป็นโรคซึมเศร้าไม่ได้แปลว่าจะรักตัวเองไม่ได้ หรือไม่สามารถวางแผนจัดการความเสี่ยงในอนาคตเพื่อตนเองได้ ดังนั้นเพื่อให้สามารถรับมือกับโรคซึมเศร้าได้ดี และปูทางสู่อนาคตให้กับตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรวางแผนจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพ และการเงิน ดังนี้

• ให้ความสำคัญในการรักษาสุขภาพจิตอย่างมีวินัย  : พบแพทย์ตามนัด ทานยาอย่างสม่ำเสมอ และทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียด
• วางแผนบริหารการเงิน : วางแผนงบประมาณรายเดือน สำรองเงินฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน
• พิจารณาประกันสุขภาพ : เลือกทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมค่ารักษาโรคซึมเศร้า
• หางานที่มีความยืดหยุ่นสูง : เลือกงานที่มีสวัสดิการด้านสุขภาพจิต หรือสามารถทำงานแบบ Work from Home หรือ Hybrid ได้ จะมีส่วนช่วยให้สามารถรับมือกับอาการของโรคได้ดีขึ้น

แม้โรคซึมเศร้าอาจส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพร่างกาย และสุขภาพทางการเงินเป็นอย่างมาก แต่ FINN เชื่อว่าทุกคนจะต้องสามารถก้าวข้ามผ่านอุปสรรคนี้ได้ สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่มีบิลฉุกเฉินต้องจ่าย หรือในเดือนนั้น ๆ มีเงินไม่พอใช้ ก็สามารถปรึกษา FINN ได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 เบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้จ่าย ดำเนินการสะดวกสบาย ไม่มีค่าดอกเบี้ย และค่าธรรมเนียม