รู้จัก 'เงินเฟ้อ' สิ่งสำคัญที่ห้ามมองข้าม หากต้องการมีความมั่นคงทางการเงิน

เงินเฟ้อ คืออะไร ? ต่างกับเงินฝืดอย่างไร ? สาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อ คืออะไร ? ส่งผลต่อสถานการณ์การเงินในกระเป๋าของเราอย่างไร ? และวิธีในการรับมือ จาก FINN

เงินเฟ้อ คืออะไร ?
เงินเฟ้อ

เงินเฟ้อ (Inflation) สิ่งสำคัญที่ผู้ซึ่งกำลังวางแผนการเงิน หรือมีแผนจะวางแผนจัดการการเงินจะต้องรู้จัก เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อมูลค่าเงินในกระเป๋าของเราในอนาคต ไม่เช่นนั้น ต่อให้เก็บเงินไว้มากแค่ไหนก็สามารถตกเป็นเหยื่อของเงินเฟ้อกันได้หมด มาศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับเงินเฟ้อเพื่อทำการวางแผนการเงินในอนาคต กับ FINN ในบทความนี้ได้เลย!

เงินเฟ้อ คืออะไร ?

กบข.ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงินเฟ้อว่า คือ สถานการณ์ที่ราคาสินค้า และบริการโดยทั่วไปมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากอัตราเงินเฟ้อสูงมากเกินไป จะมีผลกระทบต่อฐานะทางการเงิน และความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้กำลังซื้อของประชาชนลดลง (มีเงินเท่าเดิมแต่กำลังในการซื้อสินค้า-บริการลดน้อยลง) และยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย

สาเหตุของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อ เกิดขึ้นจากอะไร ?

เงินเฟ้อ เกิดขึ้นจากอะไร ?

สำหรับสาเหตุของการเกิดเงินเฟ้อนั้น จะมีปัจจัยหลัก ๆ 2 ประการที่ทำให้เกิดภาวะที่ราคาสินค้า และบริการสูงขึ้น ได้แก่

  • ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น (Cost Push Inflation) : สถานการณ์นี้เกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิต เช่น ราคาวัตถุดิบหรือค่าใช้จ่ายในการผลิตที่เพิ่มขึ้น เช่น การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิต และการขนส่งสูงขึ้น ผู้ผลิตจึงต้องปรับราคาขายสินค้าให้สูงขึ้นตาม
  • ความต้องการสินค้าสูงขึ้น (Demand Pull Inflation) : สถานการณ์นี้เกิดจากฝั่งผู้บริโภคที่มีความต้องการสินค้าสูงจนเกินไป หรือความต้องการซื้อสินค้าสูงจนทำให้สินค้าขาดแคลน ตัวอย่างเช่น ช่วงที่เกิดการระบาดของ Covid-19 ทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลน เพราะความต้องการซื้อสูง ราคาหน้ากากอนามัยจึงปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย

เงินเฟ้อ ต่างกับ เงินฝืด อย่างไร ?

แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่าเงินเฟ้อ สิ่งที่ตีคู่กันมาก็คือภาวะเงินฝืด และคงมีหลายคนที่กำลังสับสนกันอยู่ว่าเงินเฟ้อ และเงินฝืดนั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร FINN จะอธิบายง่าย ๆ ดังนี้ 

เงินเฟ้อ คือ ภาวะที่ระดับราคาของสินค้าและบริการโดยทั่วไปในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้มูลค่าของเงินลดลงและการใช้จ่ายด้วยเงินจำนวนเท่าเดิมซื้อสินค้าได้น้อยลง 

ในทางกลับกัน เงินฝืด คือ ภาวะที่ระดับราคาของสินค้าและบริการลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจทำให้มูลค่าของเงินเพิ่มขึ้น และสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้นด้วยจำนวนเงินเท่าเดิม

แล้วแบบนี้เงินฝืดดีกว่าใช่หรือไม่ ? คำตอบคือ ไม่ใช่ เนื่องจากเงินฝืดสามารถทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงได้อย่างร้ายแรง เพราะความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น อุปสงค์ (Demand) จึงลดลง เมื่อไม่มีการซื้อสินค้าหรือบริการมากพอ ผู้ขายก็จะไม่ต้องการจ้างงานพนักงานเพิ่ม คนงานจึงถูกปลดออก และมีอัตราการตกงานสูงขึ้น ซึ่งทำให้ขาดแคลนเงินในการใช้จ่าย และส่งผลให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไม่เติบโตนั่นเอง 

ผลกระทบของเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อ ส่งผลกระทบอย่างไร ?

เงินเฟ้อ ผลกระทบต่อการเงินของเรา 

ทราบความแตกต่างระหว่างเงินเฟ้อ และเงินฝืดกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สิ่งต่อไปที่หลายคนคงสงสัยก็คือ และแบบนี้ภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบอย่างไรบ้างต่อสภาพการเงินของเรา โดยการเกิดภาวะเงินเฟ้อจะส่งผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าของเรา ดังนี้

  • ผลกระทบต่อการถือครองเงิน : จะทำให้ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น ส่งผลให้รายจ่ายและค่าครองชีพเพิ่มขึ้น แต่รายได้ที่เป็นตัวเงินอาจไม่เพิ่มขึ้นตาม ทำให้เราต้องใช้เงินมากขึ้นในการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีราคาแพงกว่า ตัวอย่างเช่น เมื่อ 20 ปีก่อน ข้าวแกงจานละ 15 บาท ปัจจุบันราคาเพิ่มขึ้นเป็น 35-45 บาท ซึ่งหมายความว่าราคาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะอยู่ที่ประมาณ 1-3% แต่ถ้าเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก เงินที่เราหามาได้อาจไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตนั่นเอง
  • ผลกระทบต่อการออมและการลงทุน : เมื่ออัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น อัตราดอกเบี้ย หรืออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนจะลดลง ตัวอย่างเช่น ดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่ 1.25% หากอัตราเงินเฟ้อที่ 1% จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 0.25% แต่ถ้าอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเป็น 2% อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะกลายเป็น -0.75% ส่งผลให้ผู้ถือสินทรัพย์ที่เป็นตัวเงิน เช่น เงินสด เงินฝากประจำ หรือพันธบัตรจะได้รับผลกระทบ เพราะมูลค่าของเงินลดลง การลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าจึงอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

นอกจากนี้ภาวะเงินเฟ้อ หรืออัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงมากขึ้นยังเป็นศัตรูตัวฉกาจสำหรับผู้ที่มีวิธีเก็บเงินโดยการฝากเงินนอนบัญชีทิ้งเอาไว้ โดยไม่ได้นำเงินบางส่วนไปต่อยอดสร้างเงินให้เติบโตขึ้น เพราะแน่นอนว่าการรับเงินจากดอกเบี้ยธนาคารอย่างเดียวนั้นย่อมไม่สามารถวิ่งไล่ตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในทุกวันได้ทัน

ดังนั้นสำหรับใครที่กำลังวางแผนการเงิน หรือต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว แนะนำว่านอกจากการเก็บออมเงินนอนบัญชีไว้ สิ่งสำคัญคือการทำเงินที่มีอยู่มาต่อยอดให้งอกเงยขึ้นได้ เพื่อที่ได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของอัตราเงินเฟ้อนั่นเอง

เงินเฟ้อ ต้องทำอย่างไร ?
วิธีรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ

วิธีการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ

แน่นอนว่าสำหรับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นแล้วเราอาจจะไม่สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่เราสามารถวางแผน หรือลงมือเพื่อเตรียมการรับมือได้ โดยวิธีการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อมีดังนี้

  • ทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายอยู่เสมอ
  • มีระเบียบวินัยในการใช้จ่ายเงิน
  • กระจายช่องทางการสร้างรายได้ และการลงทุน
  • วางแผนการเงินทั้งในระยะสั้น และระยะยาว
  • เลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ
  • เลือกลงทุนในกองทุนรวมที่มีแนวโน้มจะเติบโตได้ในภาวะเงินเฟ้อ

เพียงเท่านี้ก็จะสามารถรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อได้แล้ว สำหรับใครที่คิดว่าคิดว่าตนเองกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาเงินเฟ้อ สถานการณ์การเงินติดขัด มีบิลฉุกเฉินต้องจ่าย ก็สามารถทำการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้ ปรึกษา FINN ได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย