เงินปันผล คืออะไร จ่ายตอนไหน และวิธีการคำนวณ
เงินปันผล (Dividend) คืออะไร ? เงินปันผล กับ หุ้นปันผล เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ? จะมีวิธีการคำนวณปันผลที่จะได้รับอย่างไร จ่ายตอนไหน ควรได้รับเท่าไหร่ ?
สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัว แน่นอนว่าการลงทุนเพื่อสร้าง Passive Income นั้นถือเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสนใจในการทำเป็นอันดับต้น ๆ การลงทุนเพื่อให้ได้รับเงินปันผล ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายคนนิยม แต่แน่นอนว่าสำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือผู้ที่กำลังจะเริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนอาจจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเงินปันผล วันนี้ FINN จึงได้นำความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเงินปันผลมาฝาก ซึ่งหวังว่าหลังจากอ่านบทความนี้จบแล้วหลาย ๆ คนจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับเงินปันผลเพิ่มขึ้นได้บ้าง ลองอ่านดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย!
เงินปันผล คืออะไร ?
ธนาคารกรุงไทยให้ข้อมูลเกี่ยวกับเงินปันผลว่า เงินปันผล (Dividend) คือ ผลตอบแทนที่บริษัทจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ซึ่งเป็นการแสดงความขอบคุณที่ผู้ถือหุ้นได้ลงทุนในบริษัท โดยเงินปันผลนี้จะจ่ายออกมาจากกำไรสุทธิของบริษัทหลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้บริษัทมีอิสระในการกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลตามดุลยพินิจของตนเอง โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายประการ เช่น สภาพคล่องทางการเงิน ความต้องการการลงทุนเพิ่มเติมในกิจการ และความคิดเห็นหรือความต้องการของผู้ถือหุ้น การจ่ายเงินปันผลจึงเป็นการสร้างความสมดุลระหว่างการตอบแทนผู้ถือหุ้น และการรักษาความสามารถในการเติบโตของบริษัทในอนาคต
เงินปันผล กับ หุ้นปันผล แตกต่างกันอย่างไร ?
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินคำว่าเงินปันผล หลายคนก็มักจะได้ยินคำว่าหุ้นปันผลควบคู่ไปด้วย แต่สำหรับนักลงทุนที่เริ่มศึกษาเกี่ยวกับวงการลงทุนได้ไม่นานนัก อาจจะรู้สึกสับสนว่าทั้ง 2 อย่างนี้เหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร โดยความแตกต่างของเงินปันผล และหุ้นปันผลก็คือ
เงินปันผล (Dividend) คือ ผลตอบแทนที่บริษัทจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของเงินสด ซึ่งมาจากกำไรหรือกำไรสะสมของบริษัท การจ่ายเงินปันผลจะพิจารณาตามนโยบายของบริษัทและผลประกอบการ โดยมักพบในบริษัทที่มีฐานะการเงินมั่นคง และไม่มีความจำเป็นในการใช้เงินทุนจำนวนมากสำหรับโครงการใหม่ ๆ แต่จะมีการหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ซึ่งสามารถนำไปขอคืนภาษีได้
ในทางตรงกันข้าม หุ้นปันผล คือ การที่บริษัทจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในรูปของหุ้นใหม่แทนการจ่ายเป็นเงินสด การจ่ายหุ้นปันผลจะทำให้จำนวนหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มูลค่าต่อหุ้นลดลง (Dilution effect) แต่ผู้ถือหุ้นจะได้รับการชดเชยจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้มูลค่ารวมของหุ้นยังคงเท่าเดิม หุ้นปันผลยังช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัทที่มีจำนวนหุ้นในตลาดน้อยอีกด้วย
กล่าวคือ เงินปันผลผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงิน และหุ้นปันผลผู้ถือหุ้นจะได้ผลตอบแทนเป็นหุ้นของบริษัทแทนเงินสดนั่นเอง
เงินปันผล คิดยังไง ?
สำหรับผู้ลงทุนนั้น คิดว่าสิ่งสำคัญที่หลายคนให้ความสนใจก็คือ เมื่อทำการลงทุนไปแล้วจะได้ผลตอบแทนเท่าไหร่ และอาจสงสัยว่าเงินปันผลที่จะได้รับนั้นคิดอย่างไร
การคำนวณเงินที่จะจ่ายปันผล จะพิจารณาจากอัตราการจ่ายปันผลต่อหุ้น ซึ่งบริษัทจะกำหนดและประกาศให้ทราบ เช่น หากบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นสามารถนำจำนวนหุ้นที่ถืออยู่มาคูณกับอัตราปันผลต่อหุ้น เพื่อคำนวณจำนวนเงินปันผลที่ตนจะได้รับ ยกตัวอย่างเช่น หากผู้ถือหุ้นมีหุ้นจำนวน 10,000 หุ้น และบริษัทประกาศจ่ายปันผล 0.50 บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นจะได้รับปันผล 5,000 บาท อย่างไรก็ตาม ปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ก่อนที่จะโอนเข้าบัญชีผู้ถือหุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นสามารถนำจำนวนภาษีที่ถูกหักไปใช้ในการยื่นขอคืนภาษีได้ตามหลักเกณฑ์
เงินปันผล จ่ายตอนไหน ?
การจ่ายเงินปันผล (Dividend) จะเกิดขึ้นตามรอบเวลาที่บริษัทกำหนด โดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 2 รอบหลัก คือ การจ่ายปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend) ที่จ่ายในช่วงกลางปี และการจ่ายปันผลประจำปี (Annual Dividend) ที่จ่ายหลังจากสิ้นปีบัญชี ทั้งนี้ การจ่ายเงินจะขึ้นอยู่กับการอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัทและที่ประชุมผู้ถือหุ้น โดยบริษัทจะประกาศวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิได้รับปันผล และวันจ่ายปันผลอย่างชัดเจน ซึ่งผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในวันกำหนดรายชื่อนี้จะได้รับเงินตามอัตราที่บริษัทได้ประกาศไว้
ควรได้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเท่าไหร่ ?
สำหรับผู้ที่คิดว่าอยากมี Passive Income เพื่อมีความมั่นคงทางการเงิน และนึกสงสัยว่าควรจะทำการลงทุนเพื่อให้ได้รับเงินปันผลเท่าไหร่ ความจริงแล้วการลงทุนเพื่อความมั่นคงโดยมุ่งเน้นผลตอบแทนจากปันผลนั้น ควรพิจารณาจากผลตอบแทนที่เหมาะสมซึ่งเรียกว่า อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ซึ่งคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยทั่วไปแล้ว การลงทุนในหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 3-6% ถือว่าเป็นระดับที่เหมาะสม และมีความมั่นคงในระยะยาว
อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมว่าควรเลือกลงทุนในบริษัทที่มีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ และมีพื้นฐานทางการเงินที่แข็งแรง เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทสามารถจ่ายเงินปันผลต่อเนื่องในอนาคตได้ นอกจากนี้นักลงทุนควรพิจารณาผลตอบแทนควบคู่กับความเสี่ยงของแต่ละบริษัท และไม่ควรเลือกลงทุนเฉพาะในหุ้นที่มีผลตอบแทนสูงเกินไป เพราะอาจทำให้ต้องแบกรับความเสี่ยงที่สูงตามไปด้วยนั่นเอง
และนี่ก็คือความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเงินปันผลที่นักลงทุนมือใหม่ควรทราบกันไว้ สำหรับใครที่ต้องการที่ปรึกษาด้านการเงินเพิ่มเติม หรือต้องการใช้บริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตนเองมาใช้ก็ปรึกษา FINN ได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย