คะแนนเครดิต (Credit Score) คืออะไร ? สำคัญอย่างไรต่อการขอสินเชื่อ ?

คะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่ง (Credit Score) คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไรต่อการขอสินเชื่อ ? การมีคะแนนที่ดีมีข้อดีอย่างไร ? ประโยชน์ในการทราบคะแนนของตนเอง

Woman holding credit card and smiling with digital tablet on hand.
คะแนนเครดิต (Credit Score) คืออะไร ? สำคัญอย่างไรต่อการขอสินเชื่อ ?

คะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่ง (Credit Score) คงเป็นคำที่หลายคนซึ่งอยู่ในแวดวงการเงินหรือมีความจำเป็นจะต้องขอสินเชื่ออยู่เป็นประจำต่างก็เคยได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่ทราบว่าคะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่งนี้นั้นคืออะไร  มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลต่อการขอสินเชื่อของเราในแต่ละครั้งอย่างไร หากมีคะแนนเครดิตที่ดีจะมีผลดีอย่างไรบ้างหรือไม่ วันนี้ FINN ได้นำข้อมูลที่ควรรู้ไว้เหล่านี้มาแชร์ให้กับทุกคน

คะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่ง (Credit Score) คืออะไร ?

สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบว่าคะแนนเครดิต หรือ เครดิตสกอริ่ง คืออะไร NCB ให้ข้อมูลคะแนนเครดิตว่า คะแนนเครดิต คือ เครื่องหมายหรือตัวเลขซึ่งเป็นผลลัพธ์แสดงผลรวมการประเมินข้อมูลทางสถิติของคนคนหนึ่งว่าจะมีโอกาสที่จะผิดชำระหนี้มากน้อยแค่ไหน หรือมีโอกาสที่จะไม่ผิดชำระหนี้ที่ก่อไว้ โดยจะเป็นการคำนวณซึ่งอ้างอิงมาจากประวัติในการก่อหนี้และพฤติกรรมการชำระหนี้ในอดีตของคนผู้นั้น และจะนำมาคิดเป็นคะแนนเครดิตออกมานั่นเอง

คะแนนเครดิตต่างกับข้อมูลเครดิตอย่างไร ?

หลังจากที่ได้ทราบกันไปแล้วว่าเครดิตสกอริ่งที่ได้กล่าวถึงนั้นก็เปรียบเสมือนคะแนนความประพฤติที่แสดงแนวโน้มการชำระหนี้ที่ก่อไว้ของคนผู้หนึ่งไปแล้ว แน่นอนว่าคงมีบางคนที่สับสนว่าแล้วแบบนี้เครดิตสกอริ่งนั้นเหมือนกับข้อมูลเครดิตใช่หรือไม่ หากไม่เหมือนกันแล้วมีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่ง FINN จะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้ง่าย ๆ ดังนี้

สำหรับบุคคลธรรมดานั้นหลายคนต่างก็คุ้นเคยกับการตรวจเครดิตบูโรกันเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ว่าจะเลือกตรวจเช็กเครดิตบูโรของตนเองที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร เคาน์เตอร์ธนาคาร ที่ทำการไปรษณีย์ ตู้ ATM เว็บไซต์ของธนาคาร หรือ Mobile Application ก็ดี โดยปกติแล้วเราก็จะก็จะสามารถทราบ ‘ข้อมูลเครดิต’ ของตนเองที่จะบ่งชี้ว่าตัวเราเองนั้นมีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินแห่งใดบ้าง สถานะการชำระหนี้เป็นอย่างไร มีหนี้ค้างชำระจำนวนเท่าไหร่ รวมทั้งสามารถตรวจสอบเครดิตสกอริ่งของตัวเองได้ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้สำหรับในส่วนของ ‘รายงานข้อมูลเครดิต’ นั้นจะเป็นข้อมูลที่แจกแจงให้ทราบว่าพฤติกรรมการชำระหนี้ของตัวเรานั้นเป็นอย่างไรในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา แต่ในส่วนของ ‘คะแนนเครดิต’ นั้นจะเป็นการสรุปข้อมูลทั้งหมดจากรายงานข้อมูลเครดิตออกมาเป็นคะแนนที่บ่งบอกได้ว่าคะแนน เครดิตของเรานั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ดีหรือไม่ 

กล่าวคือ ‘ข้อมูลเครดิต’ คือข้อมูลพฤติกรรมการก่อหนี้และใช้หนี้ ส่วน ‘คะแนนเครดิต’ คะแนนที่ได้จากการประเมินพฤติกรรมของเราจากข้อมูลเครดิตนั่นเอง

คะแนนเครดิต สำคัญอย่างไร ?

เมื่อพูดถึงความสำคัญของเครดิตสกอริ่งนั้น หากตัวเราเป็นคนที่ไม่คิดที่จะขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใดเลยในชีวิต หรือมั่นใจได้ 100% ว่าจะไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินใดเลยก็อาจกล่าวได้ว่าคะแนน เครดิตนั้นไม่มีความสำคัญสักเท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่ทราบกันดีว่าชีวิตคนเรานั้นไม่มีอะไรแน่นอน วันนึงอาจมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความจำเป็นที่จะต้องขอสินเชื่อหรือกู้เงินจากธนาคาร ไม่ว่าจะเป็นการขอสินเชื่อขั้นพื้นฐานอย่างการทำบัตรเครดิต ไปจนถึงการขอสินเชื่อเพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถ ลงทุนทำธุรกิจ ซึ่งคะแนน เครดิตจะถือเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาการขอสินเชื่อต่าง ๆ อย่างมากเลยทีเดียว

นอกจากนี้แล้วคะแนนเครดิตยังมีความสำคัญอีกหลายประการ โดยหลัก ๆ แล้วก็จะมีความสำคัญในด้านการให้ข้อมูลที่จะทำให้เรารู้เท่าทันสุขภาพทางการเงินของตัวเราเอง เช่น 

  • ทำให้รู้และเข้าใจสถานภาพเครดิตของตนเองมากยิ่งขึ้น
  • ช่วยป้องกันการก่อหนี้เพิ่มเติม และกระตุ้นวินัยในการบริหารสุขภาพทางการเงินให้ดี
  • ช่วยให้สามารถเลือกขอสินเชื่อที่เหมาะกับตนเอง ช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อได้

สิ่งเหล่านี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะได้รับจากการทราบคะแนนเครดิต ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าคะแนน เครดิตนั้นสำคัญกว่าที่หลายคนคิด ดังนั้นควรให้ความสำคัญกับการสร้างคะแนนเครดิตที่ดีให้กับตนเอง

คะแนนเครดิต สำคัญอย่างไรต่อการขอสินเชื่อ ?

สำหรับผู้ที่ยังคงมีความสงสัยว่าคะแนนเครดิตนั้นมีความสำคัญต่อการขอสินเชื่ออย่างไร หากจะกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเมื่อตัวผู้ขอสินเชื่อมีคะแนนเครดิตที่ดี ก็เป็นหลักฐานที่แสดงว่าผู้ขอสินเชื่อรายนั้นมีพฤติกรรมการก่อหนี้ และชำระหนี้ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีแนวโน้มที่จะไม่ผิดชำระหนี้ ดังนั้นจึงเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อได้เป็นอย่างดี เพราะทางสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้สินเชื่อนั้นมั่นใจในพฤติกรรมของผู้ขอสินเชื่อนั่นเอง

คะแนนเครดิตที่ดี มีข้อดีอย่างไร ?

บางคนอาจสงสัยว่า การมีคะแนนเครดิตที่ดีนั้นมีความสำคัญอย่างไรต่อตนเอง ซึ่งข้อดีของการมีคะแนนเครดิตที่ดีนั้น ได้แก่

  • ช่วยเพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน
  • ลดความเสี่ยงในการขอสินเชื่อไม่ผ่านเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก
  • คะแนนเครดิตที่ดีเป็นเครื่องยืนยันว่าตัวเรามีสุขภาพทางการเงินที่ดี
  • เป็นแรงกำลังใจให้เรามีวินัยในการบริหารจัดการการเงินของตนเองให้ดีต่อไป
  • มีส่วนช่วยให้เราสามารถวางแผนการจัดการการเงินในขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น

สิ่งเหล่านี้คือข้อดีที่จะได้รับเมื่อตัวเรามีคะแนนเครดิตที่ดี และอย่าคิดว่าเป็นเพียงข้อดีเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงเท่านั้น เพราะข้อดีเหล่านี้ต่างก็เป็นข้อดีที่ส่งผลต่อการจัดการการเงิน การวางแผนทางด้านการเงินของเราในอนาคต รวมไปถึงสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเราในวันข้างหน้าได้เลยทีเดียว

ปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อคะแนนเครดิต ?

ทราบกันไปแล้วว่าคะแนนเครดิตนั้นได้มาจากการประเมินและคาดการณ์แนวโน้มพฤติกรรมการก่อหนี้และการชำระหนี้ของตัวเรา แต่แน่นอนว่าหากเราทราบเพิ่มเติมถึงปัจจัยที่มีผลต่อคะแนนเครดิตได้อย่างเฉพาะเจาะจงก็จะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการคะแนนเครดิตของเราได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยปัจจัยที่มีผลต่อคะแนนเครดิต มีดังนี้

  • ยอดค้างชำระหนี้คงเหลือ/ยอดวงเงินที่ใช้ เทียบกับวงเงินสินเชื่อ
  • ยอดค้างชำระหนี้คงเหลือ/ยอดวงเงินที่ใช้ รวมแต่ละประเภทสินเชื่อ
  • จำนวนบัญชีสินเชื่อที่เพิ่งเปิด
  • จำนวนเงินคงค้างล่าสุด
  • ความยาวของประวัติสินเชื่อ
  • จำนวนบัญชีที่มีประวัติชำระหนี้ที่ดี
  • ความยาวของบัญชีสินเชื่อที่มี
  • ความถี่ในการสมัครสินเชื่อใหม่

นอกจากนี้ต้องไม่ลืมว่าอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้คะแนนเครดิตของใครหลายคนไม่ดี ต่างก็มีสาเหตุมาจากการค้างชำระหนี้บัตรเครดิต หรือการชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำเป็นประจำ ซึ่งถือว่าเป็นทั้งการทำลายคะแนนเครดิตและสุขภาพทางการเงินของตนเองในระยะยาว เพราะฉะนั้น FINN ขอแนะนำว่า ควรหลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตในการตอบสนองความต้องการที่หลายครั้งอาจไม่มีความจำเป็นของตนเอง หรือหากจำเป็นจะต้องใช้เงินในการใช้จ่ายฉุกเฉินก็ขอแนะนำว่าให้เลือกใช้บริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้ากับ FINN ที่ https://go.finn-app.com/finnis0424 จะดีกว่า เพราะเป็นการเบิกเงินเดือนของตัวเองมาใช้ก่อนล่วงหน้า ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียคะแนนเครดิตไม่ว่าจะเบิกมาใช้บ่อยแค่ไหนนั่นเอง