เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ คืออะไร เลือกแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ?

​​เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ คืออะไร มีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร ? เมื่อต้องเลือกควรที่จะเลือกรับแบบไหนถึงจะคุ้มค่ากว่ากัน ข้อดี-ข้อเสีย ของเงินบำเหน็จ และเงินบำนาญ

รู้จักเงินบำเหน็จ และเงินบำนาญ
เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ คืออะไร ?

ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการวางแผนเงินเกษียณถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และไม่ควรต้องรอให้อายุมากถึงค่อยเริ่มคิดวางแผน วันนี้ FINN เลยนำความรู้เกี่ยวกับ เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญมาฝาก ว่าเงินทั้ง 2 ประเภทนี้มีความแตกต่างกันอย่างไร เลือกรับแบบไหนจึงจะคุ้มค่ามากกว่ากัน

เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ คืออะไร ?

เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญเป็นสิทธิประโยชน์ที่บุคคลได้รับหลังจากสิ้นสุดการทำงาน หรือเกษียณอายุ โดยเงินบำเหน็จ หมายถึง เงินก้อนที่จ่ายให้ครั้งเดียวในรูปแบบของเงินตอบแทนการทำงานในอดีต ซึ่งมักคำนวณตามจำนวนปีที่ทำงาน และฐานเงินเดือน ส่วนเงินบำนาญ หมายถึง เงินที่จ่ายให้เป็นรายเดือนตลอดช่วงชีวิตหลังเกษียณ โดยพิจารณาจากระยะเวลาการทำงาน และอัตราเงินเดือนในช่วงก่อนเกษียณ 

ทั้งนี้เงินบำเหน็จ และเงินบำนาญเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้บุคคลมีความมั่นคงทางการเงินในช่วงหลังเกษียณ และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสมหลังจากสิ้นสุดอาชีพการทำงาน 

บำเหน็จ vs เงินบำนาญ
บำเหน็จ เงินบำนาญ ต่างกันอย่างไร ?

เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ ต่างกันอย่างไร ?

สำหรับผู้ที่สงสัยว่าเงินทั้ง 2 แบบนี้มีความแตกต่างกันอย่างไรนั้น กล่าวคือเงินบำเหน็จ และเงินบำนาญมีความแตกต่างกันในลักษณะการจ่าย และรูปแบบการรับสิทธิประโยชน์หลังเกษียณอายุ 

  • เงินบำเหน็จ : คือ เงินตอบแทนที่จ่ายให้เพียงครั้งเดียวในรูปแบบเงินก้อน ซึ่งคำนวณจากระยะเวลาการทำงาน และฐานเงินเดือนที่ผ่านมา ผู้รับสามารถนำไปใช้จ่าย หรือจัดการตามความต้องการในทันที
  • เงินบำนาญ : คือเงินตอบแทนที่จ่ายให้เป็นรายเดือนอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงชีวิตหลังเกษียณ โดยมุ่งเน้นการให้รายได้ที่มั่นคง และสม่ำเสมอเพื่อการดำรงชีวิตในระยะยาว การเลือกว่าจะรับเงินบำเหน็จ หรือเงินบำนาญขึ้นอยู่กับแผนการเงิน และความต้องการส่วนบุคคล 

เงินบำเหน็จ เงินบำนาญ เลือกแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ?

การเลือกว่าจะรับบำเหน็จ หรือเงินบำนาญ ขึ้นอยู่กับความต้องการ และสถานการณ์ทางการเงินของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปแล้วบำเหน็จ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนในระยะสั้น เพื่อใช้จ่าย หรือลงทุนทันทีหลังเกษียณ ส่วนเงินบำนาญ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว เนื่องจากจะได้รับเงินรายเดือนอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิตหลังจากเกษียณ ซึ่งจะช่วยให้สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่ขาดรายได้ 

อย่างไรก็ตามการเลือกแบบใดคุ้มค่ากว่าขึ้นอยู่กับการประเมินความต้องการในอนาคต หากมองหาความมั่นคงในระยะยาว และไม่ต้องการเสี่ยงกับการใช้จ่ายเงินก้อน เงินบำนาญ อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า แต่หากต้องการเงินก้อนเพื่อการลงทุน หรือใช้จ่ายในช่วงแรกหลังเกษียณ บำเหน็จอาจเหมาะสมกว่านั่นเอง

ใครบ้างที่จะได้รับเงินบำนาญ บำเหน็จ ?

Set ให้ข้อมูลการรับบำเหน็จบำนาญว่าผู้ที่มีสิทธิได้รับ คือ ผู้ที่เกษียณอายุ (อายุครบ 60 ปี) หรือในกรณีสูงอายุ (ลาออกจากงานเมื่อมีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป) รวมถึงกรณีทุพพลภาพ หรือกรณีที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงองค์กร เช่น การยุบ หรือยกเลิกตำแหน่ง การให้ออกจากงานโดยไม่มีความผิด หรือการออกจากระบบเนื่องจากการเกษียณก่อนกำหนด 

เงินบำนาญ ข้อดี
ข้อดีของเงินบำนาญ

ข้อดีของเงินบำนาญ

  • มีความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว : เงินบำนาญช่วยให้ผู้รับมีรายได้ที่มั่นคง และสม่ำเสมอตลอดช่วงชีวิตหลังเกษียณ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนเงินในระยะยาว ทำให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ
  • ลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจ : การได้รับเงินบำนาญรายเดือนช่วยให้ผู้รับไม่ต้องพึ่งพาแหล่งรายได้อื่น ๆ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน เช่น การตกงาน หรือการขาดรายได้จากการลงทุน
  • มีความสะดวกในการวางแผนการเงิน : เงินบำนาญช่วยให้ผู้รับสามารถวางแผนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อย่างมีระเบียบ เนื่องจากสามารถคาดการณ์รายได้ที่เข้ามาในแต่ละเดือนอย่างชัดเจน
  • ช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของครอบครัว : เงินบำนาญสามารถช่วยบรรเทาภาระทางการเงินของครอบครัวในกรณีที่ผู้เกษียณไม่มีรายได้จากแหล่งอื่น ๆ โดยสามารถใช้เงินบำนาญเป็นรายได้หลักในการดูแลตนเอง และครอบครัว
  • ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้จ่ายเงินก้อน : เนื่องจากเงินบำนาญจ่ายเป็นรายเดือน จึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเผลอตัวใช้เงินก้อนใหญ่หมดไปในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในระยะยาว

ข้อเสียของเงินบำนาญ

  • รายได้ที่ไม่เพียงพอในบางกรณี : เงินบำนาญที่ได้รับอาจไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตในบางกรณี โดยเฉพาะในกรณีที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือเกิดเหตุการณ์ที่ต้องใช้เงินในจำนวนมาก เช่น ค่ารักษาพยาบาลในกรณีเจ็บป่วยหนัก
  • ไม่สามารถปรับเปลี่ยนจำนวนเงินได้ : เมื่อได้รับเงินบำนาญแล้ว จำนวนเงินที่ได้รับจะคงที่ตามที่ตกลงไว้ในช่วงเกษียณ โดยไม่สามารถปรับเพิ่มได้ตามภาวะเศรษฐกิจ หรือค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลง ทำให้บางครั้งอาจไม่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของค่าครองชีพได้
  • ขาดความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย : การได้รับเงินบำนาญในรูปแบบรายเดือนอาจทำให้ผู้รับขาดความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย เพราะจะต้องอาศัยเงินที่มีในแต่ละเดือนอย่างเคร่งครัด ไม่สามารถใช้จ่ายเงินก้อนในกรณีที่ต้องการลงทุน หรือตอบสนองความต้องการในระยะสั้น
  • ไม่สามารถใช้จ่ายเงินบำนาญล่วงหน้า : ผู้รับเงินบำนาญไม่สามารถใช้เงินล่วงหน้าในกรณีที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ในช่วงเกษียณ การได้รับเงินรายเดือนจึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อนในบางโอกาส เช่น การซื้อบ้านหรือการลงทุนในโครงการใหญ่
เงินบำนาญ ข้อเสีย
ข้อเสียของเงินบำนาญ

ข้อดีของบำเหน็จ

  • รับเงินก้อนในทันที : บำเหน็จจะจ่ายให้แก่ผู้เกษียณในรูปแบบเงินก้อน ซึ่งช่วยให้ผู้รับสามารถนำเงินไปใช้จ่าย หรือลงทุนในทันทีตามความต้องการ เช่น การใช้เงินสำหรับการตั้งตัวหลังเกษียณ หรือการชำระหนี้
  • มีความยืดหยุ่นในการจัดการเงิน : ผู้รับบำเหน็จสามารถจัดการเงินก้อนนี้ได้ตามต้องการ เช่น การลงทุนเพื่อสร้างรายได้เสริม การซื้อสินทรัพย์ หรือการใช้เงินในกรณีฉุกเฉิน ทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้จ่ายมากขึ้น
  • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ : บำเหน็จเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเงินก้อนใหญ่ในช่วงเกษียณเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือการลงทุนระยะยาว เช่น การซื้อบ้าน การศึกษาต่อ หรือการเริ่มต้นธุรกิจใหม่

ข้อเสียของบำเหน็จ

  • ขาดความยั่งยืนในระยะยาว : เนื่องจากบำเหน็จจ่ายให้เป็นเงินก้อน ผู้รับอาจใช้จ่ายหมดไปในระยะเวลาสั้น ๆ โดยไม่สามารถจัดการการเงินให้ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งอาจทำให้ขาดแคลนเงินในอนาคต
  • ขาดรายได้ที่สม่ำเสมอ : บำเหน็จจ่ายเพียงครั้งเดียวทำให้ผู้รับไม่มีรายได้ที่สม่ำเสมอหลังจากเกษียณ ซึ่งต่างจากเงินบำนาญที่ให้รายได้ต่อเนื่อง ช่วยให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นในระยะยาว
  • ความเสี่ยงจากการบริหารเงิน : ผู้รับบำเหน็จต้องรับผิดชอบในการบริหารจัดการเงินก้อนนั้น หากไม่มีการวางแผนการเงินที่ดี อาจเกิดปัญหาการใช้จ่ายเกินตัว หรือการลงทุนที่ไม่ปลอดภัย ส่งผลให้เงินก้อนหมดเร็ว และไม่เพียงพอในระยะยาว
  • ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงิน : ผู้ที่ต้องการความมั่นคงทางการเงินในระยะยาวอาจไม่เหมาะกับการเลือกบำเหน็จ เนื่องจากไม่มีรายได้ที่สม่ำเสมอเหมือนเงินบำนาญ ทำให้การดำรงชีวิตหลังเกษียณอาจมีความไม่แน่นอนทางการเงินสูง
  • อาจต้องเผชิญกับภาระทางการเงินในกรณีฉุกเฉิน : หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก เช่น ป่วยหนัก หรือเกิดอุบัติเหตุ บำเหน็จที่ได้รับอาจไม่เพียงพอหากบริหารจัดการไม่ดี เพราะได้รับเพียงครั้งเดียวไม่สามารถช่วยบรรเทาภาระในระยะยาวได้

ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลเกี่ยวกับบำเหน็จ และเงินบำนาญที่ผู้ซึ่งต้องการวางแผนทางการเงินตอนเกษียณควรทราบเอาไว้ ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าหนึ่งในการวางแผนการเงินในระยะยาวเพื่อให้มีสุขภาพทางการเงินที่ดีนั้นเราจะต้องพยายามปลดหนี้ และไม่สร้างหนี้สินเพิ่มเติม ดังนั้นหากมีบิลฉุกเฉินที่ต้องจ่าย หรือหมุนเงินไม่ทัน ก็สามารถใช้บริการเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้ กับ FINN ก่อนได้ ไม่ต้องสร้างหนี้สินให้เป็นภาระกังวลใจ https://go.finn-app.com/finnis0424 ไม่เสี่ยงทำให้เสียสุขภาพทางการเงิน