6 สัญญาณต้องเช็ก! ที่อาจบอกว่าเรากำลังเป็น Shopaholic โดยไม่รู้ตัว

Shopaholic คืออะไร มีผลเสียอย่างไร หากเป็นแล้วสามารถรักษาได้หรือไม่ มีแนวทางการรักษาอย่างไร รวมสัญญาณที่อาจบอกว่าเรากำลังเป็น Shopaholic สรุปให้ จาก FINN

Shopaholic
สัญญาณเตือน Shopaholic

ในยุคที่การชอปปิงสามารถทำได้ง่ายเพียงแค่ใช้ปลายนิ้วสัมผัส แค่เปิดแอปพลิเคชันก็สามารถสั่งของจากทั่วทุกมุมโลกมาส่งถึงหน้าบ้านได้ในทันที พฤติกรรมการจับจ่ายจึงกลายเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวัน แต่ในบางครั้ง การช้อปปิ้งที่มากเกินไปโดยไม่รู้ตัวอาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้น 

โดยเฉพาะหากเรากำลังตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่า “Shopaholic” หรืออาการเสพติดการชอปปิง ซึ่งปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลกระทบในด้านการเงินเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพจิต ความสัมพันธ์ และการดำเนินชีวิตในภาพรวม

ในบทความนี้ FINN จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า Shopaholic คืออะไร มีผลเสียอย่างไร และบอก 6 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเองให้ดีว่ากำลังเป็นอยู่หรือไม่ เพราะอาจบ่งบอกว่าเรากำลังเข้าสู่ภาวะ Shopaholic โดยไม่รู้ตัว พร้อมคำแนะนำวิธีรับมือในเบื้องต้น เพื่อสร้างสุขภาพการเงินที่มั่นคง และการใช้ชีวิตที่สมดุลในระยะยาวนั่นเอง

Shopaholic คือ
Shopaholic คืออะไร ?

Shopaholic คืออะไร ?

Shopaholic หมายถึง บุคคลที่มีพฤติกรรมช้อปปิ้งเกินความจำเป็น หรือช้อปปิ้งโดยขาดการควบคุมตนเองอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของในห้าง ร้านค้าออนไลน์ หรือแม้แต่ของที่ไม่ได้ต้องการจริง ๆ ซึ่งอาการนี้มีลักษณะคล้ายกับภาวะเสพติดอื่น ๆ คือ จะรู้สึกมีความสุขในขณะซื้อ แต่เกิดความเครียด หรือรู้สึกผิดภายหลัง โดยหลายคนที่เป็น Shopaholic อาจไม่รู้ตัวว่ากำลังมีปัญหา จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก

Shopaholic มีผลเสียอย่างไร ?

ในส่วนของผลเสียที่จะเกิดขึ้นเมื่อเราเป็น Shopaholic นั้น ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางการเงินของเราเพียงเท่านั้น แต่ยังมีผลเสียด้านอื่น ๆ อีกหลายด้าน โดยผลเสียที่เกิดจากการเป็น Shopaholic จะมีดังต่อไปนี้

  • ด้านการเงิน : รายจ่ายบานปลาย หนี้สินพอกพูน เก็บเงินไม่อยู่ และมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางการเงินระยะยาว
  • ด้านสุขภาพจิต : รู้สึกเครียด รู้สึกผิด หรือวิตกกังวลหลังจากซื้อของ รวมถึงอาจเกิดภาวะซึมเศร้าจากการควบคุมตัวเองไม่ได้
  • ด้านความสัมพันธ์ : อาจมีปัญหากับครอบครัว หรือคนรัก เนื่องจากความไม่เข้าใจในการใช้จ่ายเงิน หรือความลับเรื่องหนี้สิน
  • ด้านการใช้ชีวิต : ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเลือกซื้อของ ทำให้ละเลยหน้าที่การงาน หรือกิจกรรมที่มีความสำคัญอื่น ๆ

จะเห็นได้ว่าการเป็น Shopaholic นั้นทำให้เกิดผลเสียในการดำเนินชีวิตอย่างรอบด้าน ดังนั้นเราจึงควรสำรวจตนเองให้ดีว่าพฤติกรรมของเราทุกวันนี้มีสัญญาณเตือนของการเป็น Shopaholic หรือไม่ เพื่อที่จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที

Shopaholic ลักษณะ
6 สัญญาณ อาจเป็น Shopaholic

6 สัญญาณที่อาจบอกว่าเรากำลังเป็น Shopaholic

สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่าตนเองกำลังเป็น Shopaholic หรือไม่ ลองสังเกตสัญญาณง่าย ๆ ที่อาจบ่งบอกว่าเรากำลังเป็น Shopaholic ดังต่อไปนี้

  • Shopaholic มักซื้อของเพื่อระบายความเครียด : หากสังเกตแล้วพบว่าตนเองมักซื้อของเมื่อรู้สึกเหงา เครียด หรือเบื่อ ถือเป็นสัญญาณเตือนว่าเราอาจใช้การช้อปปิ้งแทนการเยียวยาอารมณ์
  • Shopaholic มักซื้อของโดยไม่วางแผนล่วงหน้า : ช้อปปิ้งแบบ "เห็นแล้วอยากได้" โดยไม่มีเหตุผลชัดเจน ซื้อซ้ำทั้งที่มีของแบบเดียวกันอยู่แล้ว
  • มักใช้เงินเกินงบ หรือรูดบัตรเกินวงเงิน : รูดบัตรเครดิตจนเต็มวงเงิน กู้เงินเพื่อซื้อของที่ไม่จำเป็น หรือมักไม่สามารถชำระหนี้ได้ตรงเวลาถือเป็นสัญญาณเสี่ยงวว่ากำลังเป็น Shopaholic
  • มักมีพฤติกรรมซ่อนของที่ซื้อ หรือไม่อยากให้ใครรู้ว่าซื้ออะไร : อาจเริ่มรู้สึกผิดจนต้องปิดบังพฤติกรรมการช้อปปิ้ง นั่นแปลว่าเราอาจกำลังเสียการควบคุมตนเอง ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร แต่หยุดไม่ได้
  • รู้สึกผิด หรือเสียใจหลังจากซื้อของ : ความรู้สึกดีขณะซื้อของหายไปอย่างรวดเร็ว แล้วตามมาด้วยความรู้สึกผิด วิตก หรือเครียดหลังจากนั้น
  • ไม่สามารถหยุดซื้อของได้ แม้รู้ว่าควรหยุด : พยายามจะหยุดแต่ไม่สำเร็จ หรือคิดถึงการซื้อของตลอดเวลา เป็นสัญญาณของพฤติกรรมเสพติดอย่างชัดเจน

Shopaholic รักษาได้ไหม ?

คำตอบคือ Shopaholic สามารถรักษาได้ หากได้รับการวินิจฉัย และดูแลอย่างเหมาะสม เพราะภาวะ Shopaholic เป็นเรื่องของพฤติกรรม และจิตใจซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการปรับวิธีคิด การวางแผนการเงิน และอาจต้องมีการรับการช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญในกรณีที่มีอาการรุนแรง

Shopaholic วิธีรักษา
Shopaholic รักษาได้ไหม ?

Shopaholic มีวิธีการเบื้องต้นในการรักษาอย่างไร ?

การรักษาพฤติกรรม Shopaholic ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการห้ามซื้อของทันที แต่สามารถเริ่มจากแนวทางง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

  • วางแผนงบประมาณรายเดือน : กำหนดรายจ่ายเฉพาะที่จำเป็น และกันเงินไว้สำหรับความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างมีขอบเขต
  • บันทึกรายรับรายจ่าย : จดบันทึกทุกการใช้จ่ายเพื่อดูพฤติกรรมของตัวเอง และปรับปรุงเมื่อเห็นจุดที่ควรลด
  • หลีกเลี่ยงสถานการณ์กระตุ้น : เช่น การเข้าเว็บไซต์ช้อปปิ้งบ่อย ๆ หรือการติดตามเพจโปรโมชั่นต่าง ๆ
  • ให้รางวัลตัวเองอย่างสร้างสรรค์ : แทนที่จะซื้อของ ลองเปลี่ยนเป็นการพักผ่อน หรือกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ดูหนัง
  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต : หากอาการหนักหรือควบคุมไม่ได้ การพูดคุยกับนักจิตวิทยาจะช่วยให้เห็นปัญหาชัดเจนและหาวิธีแก้ไขที่ยั่งยืน

Shopaholic เป็นพฤติกรรมที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะในสังคมที่การซื้อของออนไลน์ถูกผลักดันให้เป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้แม้พฤติกรรม Shopaholic จะดูเหมือนเป็นพฤติกรรมที่ไม่อันตราย แต่หากไม่ตระหนักรู้ อาจส่งผลกระทบทางการเงิน สุขภาพจิต และความสัมพันธ์อย่างรุนแรงได้ การรู้จักตรวจสอบพฤติกรรมของตนเองอยู่เสมอ โดยเฉพาะผ่าน 6 สัญญาณที่กล่าวถึงในบทความนี้ จะช่วยให้สามารถเข้าใจ และรับมือกับปัญหาได้ตั้งแต่ต้น พร้อมเปลี่ยนการช้อปปิ้งให้กลายเป็นเรื่องสนุกอย่างมีสติ ไม่ใช่การเสพติดที่บั่นทอนชีวิต

สำหรับใครที่ลองอ่านดูแล้วพบว่าตนเองไม่ได้มีความเสี่ยงในการมีพฤติกรรมแบบ Shopaholic แต่มีบิลฉุกเฉินที่ต้องจ่าย สามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้ กับ FINN ก่อนได้ https://go.finn-app.com/finnis0424  ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร ไม่เสียวินัยทางการเงิน