อกหักต้องระวัง อาจทำชีวิตทางการเงินพังหากใช้เงินเกินตัว
อาการอกหัก คืออะไร ทำให้เราเผลอใช้เงินเกินตัวโดยไม่ได้ตั้งใจจริงหรือไม่ การอกหักทำให้การเงินพังได้อย่างไร สัญญาณเตือนว่าเรากำลังใช้เงินเกินตัวเมื่ออกหัก และวิธีป้องกัน
“อกหัก” ไม่ได้สร้างผลกระทบเพียงแค่สภาพจิตใจ แต่ยังสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมการเงินของเราโดยไม่รู้ตัว หลายคนเมื่อเผชิญกับความผิดหวังในความรัก มักพยายามหาทางเยียวยาตัวเองด้วยการช้อปปิ้ง กินหรู เที่ยวบ่อย หรือใช้จ่ายเพื่อให้ลืมความเศร้า ซึ่งหากขาดการควบคุม อาจนำไปสู่การ ใช้เงินเกินตัว และสร้างหนี้สินโดยไม่จำเป็นได้
ปัญหาคือเมื่อความรู้สึกชั่วคราวหายไป สิ่งที่เหลืออยู่กลับกลายเป็นภาระทางการเงินที่หนักขึ้น ทั้งหนี้บัตรเครดิต เงินกู้ หรือการขาดสภาพคล่องที่อาจส่งผลกระทบต่อเป้าหมายชีวิตในอนาคต เช่น การซื้อบ้าน การเก็บเงินเกษียณ หรือการลงทุน นั่นหมายความว่าอาการอกหักอาจไม่ได้ทำให้เสียใจเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้ “อนาคตทางการเงิน” สั่นคลอนอีกด้วย
บทความนี้ FINN จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่าทำไมการอกหัก จึงมีความเสี่ยงทำให้เราหันไป ใช้เงินเกินตัว มีอะไรบ้างที่เป็นสัญญาณเตือนให้ควรระวัง วิธีป้องกันไม่ให้การอกหักนำไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต เพื่อที่ทุกคนจะได้ระมัดระวัง ไม่ทำชีวิตทางการเงินของตัวเองพังเพราะการอกหักนั่นเอง

อกหัก คืออะไร ?
อกหัก หมายถึง ภาวะความผิดหวังจากความรัก หรือความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เช่น การเลิกรา การถูกปฏิเสธ หรือการสิ้นสุดความสัมพันธ์ที่มีคุณค่าทางใจต่อบุคคลหนึ่ง ความรู้สึกนี้มักส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพจิตใจ ทำให้เกิดความเศร้า ความเครียด หรือแม้แต่ความรู้สึกสูญเสีย ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่าจะฟื้นฟูได้ ความเจ็บปวดจากการอกหักยังมีแนวโน้มทำให้คนเราหันไปหาวิธีเยียวยาตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ โดยหนึ่งในนั้นคือการใช้เงินเกินตัว เพื่อเติมเต็มความว่างเปล่าทางอารมณ์ เช่น การซื้อของฟุ่มเฟือย การท่องเที่ยว หรือการใช้จ่ายเกินความจำเป็นเพื่อบรรเทาความเศร้า
แม้การใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นในระยะสั้น แต่หากขาดการควบคุม อาจนำไปสู่การสร้างหนี้สินที่ยากจะจัดการในระยะยาวได้ ส่งผลให้ปัญหาทางอารมณ์ลุกลามเป็นปัญหาทางการเงินในระยะยาว ดังนั้นการทำความเข้าใจ และตระหนักถึงพฤติกรรมการใช้เงินเกินตัว ที่มักเกิดตามมาคือก้าวแรกที่สำคัญในการป้องกันไม่ให้ความผิดหวังทางใจทำลายความมั่นคงทางการเงินไปพร้อมกัน
อกหักทำให้ใช้เงินเกินตัวได้จริงหรือไม่ ?
เมื่อเผชิญกับภาวะอกหัก หลายคนมักเกิดช่องว่างทางอารมณ์ และพยายามหาวิธีเยียวยาความเจ็บปวดชั่วคราว หนึ่งในพฤติกรรมที่พบบ่อยคือการหันไปใช้เงินเกินตัว ผ่านการซื้อของฟุ่มเฟือย กินอาหารราคาแพง หรือท่องเที่ยวบ่อยครั้งเพื่อหลีกหนีความเศร้า แม้การใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นในระยะสั้น แต่หากไม่มีการควบคุมก็อาจทำให้เงินเก็บร่อยหรอ หรือเกิดหนี้สินสะสม
จากมุมมองทางจิตวิทยาการใช้เงินเป็นเครื่องมือทดแทนทางอารมณ์ (Emotional Spending) มักเกิดขึ้นเมื่อต้องการปลอบใจตนเองจากความสูญเสีย เช่น การเลิกรา ในขณะที่จากมุมมองทางการเงิน การใช้เงินเกินตัวหลังการอกหักอาจกลายเป็นปัญหาใหญ่
เพราะค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้สามารถสะสมจนกลายเป็นหนี้บัตรเครดิต หรือกระทบต่อการชำระภาระการเงินอื่น ๆ ที่สำคัญกว่า
ดังนั้นคำตอบของคำถามที่ว่าอกหักทำให้ใช้เงินเกินตัวได้จริงหรือไม่ คือ “จริง” การอกหัก สามารถทำให้คนเรามีพฤติกรรม ใช้เงินเกินตัวได้หากขาดการยับยั้งชั่งใจ การรับรู้ และตระหนักถึงพฤติกรรมนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันไม่ให้ความเจ็บปวดทางใจลุกลามกลายเป็นปัญหาทางการเงินในระยะยาว

อกหักทำให้การเงินพังได้อย่างไร ?
- อกหักอาจทำให้ใช้เงินเพื่อเยียวยาความรู้สึก : หลายคนเมื่อเจ็บปวดจากการอกหัก มักหันไปซื้อของฟุ่มเฟือย กินอาหารหรู หรือท่องเที่ยวเพื่อปลอบใจ ซึ่งอาจนำไปสู่การใช้เงินเกินรายได้จริง
- อกหักอาจทำให้เกิดหนี้สินที่ไม่จำเป็น : การใช้จ่ายเกินตัวบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดหนี้บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคล ส่งผลให้ดอกเบี้ยสะสม และกลายเป็นภาระระยะยาว
- อกหักอาจสร้างผลกระทบต่อเงินเก็บ และการออม : เงินที่ควรนำไปเก็บออมเพื่อเป้าหมายสำคัญ เช่น ซื้อบ้าน ลงทุน หรือวางแผนเกษียณ อาจถูกนำมาใช้จนหมดไปเพียงเพื่อเยียวยาความรู้สึกชั่วคราว
- อกหักอาจทำให้เสียโอกาสทางการเงินในอนาคต : เมื่อเงินเก็บหมด หรือมีหนี้เพิ่มขึ้น จะทำให้ไม่สามารถลงทุน หรือวางแผนทางการเงินอื่น ๆ ได้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงระยะยาว
- อกหักอาจทำให้เกิดความเครียดทางการเงินซ้ำเติมอารมณ์ : ความทุกข์จากการอกหักอาจยิ่งรุนแรงขึ้นเมื่อมีปัญหาหนี้สิน ทำให้เกิดความเครียด วิตกกังวล และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตได้
สัญญาณเตือนว่าเรากำลังอกหัก และใช้เงินเกินตัว
ภาวะอกหักมักทำให้หลายคนเผลอแสดงพฤติกรรมที่ไม่รู้ตัว โดยเฉพาะเรื่องการใช้เงินเพื่อปลอบใจตัวเองเมื่ออกหัก ซึ่งหากปล่อยไว้โดยไม่สังเกต อาจกลายเป็นการใช้เงินเกินตัว และนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่หนักขึ้น โดยสัญญาณเตือนที่ควรให้ความสำคัญ มีดังต่อไปนี้
- ช้อปปิ้งบ่อยเกินความจำเป็น : ใช้การซื้อของเป็นเครื่องมือเยียวยาอารมณ์ ซื้อสินค้าราคาแพง หรือของที่ไม่จำเป็นบ่อยครั้ง เพียงเพื่อทำให้รู้สึกดีชั่วขณะ
- ค่าใช้จ่ายพุ่งขึ้นผิดปกติ : ค่าใช้จ่ายรายเดือนสูงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในหมวดบันเทิง ท่องเที่ยว หรือร้านอาหารหรู
- ใช้บัตรเครดิต หรือสร้างหนี้สินเกินขอบเขต : เริ่มใช้วงเงินบัตรเครดิตจนเต็ม หรือกู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับการใช้จ่าย ทั้งที่รายได้จริงไม่เพียงพอ
- ลดการออม และไม่สนใจเป้าหมายการเงิน : เงินที่เคยออมเพื่ออนาคตถูกนำมาใช้กับค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น จนทำให้เงินออมร่อยหรอ หรือหยุดออมไปโดยสิ้นเชิง
- ใช้การใช้จ่ายเพื่อหนีความจริง : รู้สึกว่าต้องใช้เงินเพื่อไม่ให้คิดถึงความเจ็บปวดจากการอกหัก และใช้การจับจ่ายเป็นการหนีปัญหา มากกว่าจะเป็นการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง
- เริ่มรู้สึกผิด หรือกังวลเรื่องการเงิน : หลังจากใช้จ่ายมักเกิดความรู้สึกผิด กังวลว่าจะจ่ายไม่ไหว หรือกังวลเรื่องหนี้ แต่ก็ยังคงใช้เงินต่อไปเพื่อระบายอารมณ์
หากสังเกตเห็นสัญญาณเหล่านี้ แสดงว่าภาวะอกหักอาจกำลังทำให้การเงินเสียสมดุล และนำไปสู่การ ใช้เงินเกินตัว การตระหนักรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และหาทางออกที่เหมาะสม เช่น การหากิจกรรมสร้างสรรค์ หรือพูดคุยกับคนใกล้ชิด จึงเป็นก้าวแรกที่จะช่วยรักษาทั้งสุขภาพจิต และสุขภาพทางการเงินให้มั่นคงในระยะยาว

วิธีป้องกันการใช้เงินเกินตัวเมื่ออกหัก
- กำหนดงบประมาณรายเดือนอย่างเคร่งครัด : จัดทำแผนค่าใช้จ่ายที่จำกัดชัดเจนในแต่ละเดือน และกันเงินออมไว้ก่อน เพื่อป้องกันการใช้จ่ายเกินตัวจากอารมณ์ชั่ววูบ
- หลีกเลี่ยงการใช้บัตรเครดิตฟุ่มเฟือย : หากเพิ่งผ่านช่วงอกหักควรใช้บัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น หรือเลือกใช้เงินสด/เดบิตแทน เพื่อลดความเสี่ยงในการก่อหนี้เพิ่ม
- หากิจกรรมทดแทนที่ไม่ต้องใช้เงินมาก : เช่น การออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือเข้าร่วมกิจกรรมสังคม จะช่วยบรรเทาความเศร้าได้ โดยไม่ต้องพึ่งการใช้จ่ายมากเกินไป
- บันทึกการใช้จ่ายประจำวัน : การจดบันทึก หรือใช้แอปพลิเคชันติดตามการเงิน จะช่วยให้เห็นพฤติกรรมการใช้เงินที่ชัดเจน และปรับแก้ได้ทันท่วงที
- พูดคุยกับเพื่อน หรือที่ปรึกษาแทนการช้อปปิ้ง : การระบายความรู้สึกกับคนที่ไว้ใจได้ ช่วยลดความเครียด และทำให้ไม่ต้องหันไปใช้เงินเพื่อปลอบใจตนเอง
- ตั้งเป้าหมายทางการเงินใหม่ ๆ : เช่น เก็บเงินเพื่อท่องเที่ยวในอนาคต หรือลงทุนในสิ่งที่เป็นประโยชน์ การมีเป้าหมายชัดเจนจะช่วยควบคุมการใช้เงินให้อยู่ในกรอบมากขึ้น
สำหรับใครที่อาจจะเผลอตัวใช้เงินเกินงบประมาณไปบ้างในช่วงอกหัก จนทำให้ไม่สามารถรับมือได้เมื่อมีบิลฉุกเฉินจำเป็นต้องจ่าย ก็สามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้ กับ FINN ก่อนได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 ไม่ต้องเป็นหนี้ใคร ไม่กระทบต่อสุขภาพทางการเงิน