นอกจากเงินที่ต้องมี ยังมีต้นทุนอะไรอีกบ้าง ที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจ

การเริ่มต้นธุรกิจเป็นความฝันของใครหลายคน ซึ่งหลายคนมักจะนึกถึง ต้นทุน ที่เป็นตัวเงินเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นเงินทุนเริ่มต้นสำหรับค่าเช่าพื้นที่ ค่าวัตถุดิบ ค่าการตลาด หรือแม้แต่เงินเดือนพนักงาน ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ต้นทุนในโลกธุรกิจนั้นซับซ้อนกว่าที่คิดมาก มีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยที่มุ่งเน้นแต่เรื่องของเงินทุน จนละเลยต้นทุนแฝงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาวได้ 

การมองข้ามต้นทุนแฝงเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาที่ไม่คาดฝัน การดำเนินงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ หรือแม้แต่การปิดตัวของธุรกิจในที่สุด ดังนั้นการทำความเข้าใจ และให้ความสำคัญกับต้นทุนเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถวางแผน และบริหารจัดการธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในระยะยาว บทความนี้ FINN จึงจะพาทุกคคนไปเจาะลึกถึงต้นทุนต่าง ๆ ที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องให้ความใส่ใจนอกเหนือจากเงินทุน เพื่อให้สามารถสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่ง และยั่งยืนได้นั่นเอง

ต้นทุน คืออะไร ?

ค่าใช้จ่าย หรือทรัพยากรที่ต้องเสียไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้า บริการ หรือสิ่งอื่นใดที่ต้องการ เพื่อสร้างมูลค่าหรือผลตอบแทนในอนาคต

ต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจ

นอกเหนือจากเงินทุนที่ต้องเตรียมพร้อมแล้ว ยังมีต้นทุนอีกหลายด้านที่ผู้ประกอบการมือใหม่ และแม้แต่มืออาชีพต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะการละเลยต้นทุนเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน ความสามารถในการแข่งขัน และการเติบโตของธุรกิจโดยรวมได้ โดยต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องให้ความใส่ใจมีดังต่อไปนี้

ด้านความรู้

ต้นทุนด้านความรู้ คือ เวลา และทรัพยากรที่ใช้ในการศึกษาหาข้อมูล พัฒนาทักษะ และเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และทันต่อการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจของตนเองอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นความรู้ด้านการตลาด การบริหารจัดการ การเงิน กฎหมาย หรือแม้แต่เทคโนโลยี การลงทุนในด้านความรู้ผ่านการอบรม สัมมนา การอ่านหนังสือ หรือการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นได้ การไม่มีความรู้ที่เพียงพออาจทำให้เกิดต้นทุนที่สูงกว่าในระยะยาว เช่น การตัดสินใจผิดพลาดที่นำไปสู่การขาดทุน หรือการพลาดโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ

ด้านทรัพยากรบุคคล

ทรัพยากรบุคคล คือ หัวใจสำคัญของทุกองค์กร ไม่เพียงแค่เงินเดือน หรือค่าจ้างเท่านั้น แต่ยังรวมถึงค่าใช้จ่ายในการสรรหา และคัดเลือกพนักงาน การฝึกอบรม และพัฒนาทักษะพนักงาน สวัสดิการพนักงาน ค่ารักษาพยาบาล หรือแม้แต่การสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การลงทุนในต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคลอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ได้พนักงานที่มีคุณภาพ มีความรู้ความสามารถ และมีความผูกพันกับองค์กร ซึ่งจะส่งผลให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และลดอัตราการลาออกของพนักงานได้ 

ด้านเวลา

เวลา คือ สิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับผู้ประกอบการทุกคน ต้นทุนด้านเวลา คือ ชั่วโมงการทำงานที่ทุ่มเทให้กับการวางแผน การดำเนินงาน การแก้ไขปัญหา และการตัดสินใจต่าง ๆ ในธุรกิจการใช้เวลาอย่างไม่มีประสิทธิภาพ การทำงานซ้ำซ้อน หรือการจัดการที่ไม่เป็นระบบล้วนเป็นต้นทุนที่มองไม่เห็นแต่มีผลกระทบอย่างใหญ่หลวง การใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยบริหารจัดการ การมอบหมายงานที่เหมาะสม และการจัดลำดับความสำคัญของงาน จะช่วยลดทุนด้านเวลา และทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาไปพัฒนาธุรกิจในด้านอื่น ๆ มากขึ้น

ด้านโอกาส

ต้นทุนด้านโอกาส คือ ผลประโยชน์ที่ต้องสูญเสียไปเมื่อเลือกที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แทนที่จะทำอีกสิ่งหนึ่งที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ตัวอย่างเช่น หากเราเลือกที่จะลงทุนในธุรกิจหนึ่ง แต่พลาดโอกาสในการลงทุนในอีกธุรกิจหนึ่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นคือทุนด้านโอกาสที่จะต้องจ่ายไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องวิเคราะห์ และประเมินต้นทุนด้านโอกาสอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าการตัดสินใจลงทุน หรือดำเนินธุรกิจในแต่ละครั้งนั้นเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด และสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้กับกิจการ

ด้านชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือ

ชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือเป็นสิ่งที่สร้างได้ยากแต่ทำลายได้ง่าย ต้นทุนด้านนี้ คือ ผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจหากชื่อเสียง หรือความน่าเชื่อถือลดลง ไม่ว่าจะเป็นจากการบริการที่ไม่ได้มาตรฐาน สินค้าไม่มีคุณภาพ หรือการสื่อสารที่ผิดพลาด การลงทุนในการสร้างแบรนด์ การรักษาคุณภาพของสินค้า และบริการ การดูแลลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ และการรับผิดชอบต่อการกระทำต่าง ๆ ถือเป็นการลงทุนในต้นทุนด้านชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือที่จะส่งผลดีต่อธุรกิจในระยะยาวอย่างมหาศาล 

ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม

ในยุคดิจิทัล การลงทุนในเทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นสิ่งจำเป็น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ การอัปเกรดระบบ หรือการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ การละเลยการลงทุนในด้านนี้อาจทำให้ธุรกิจล้าหลัง ไม่สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และพลาดโอกาสในการขยายตลาด ต้นทุนด้านเทคโนโลยีอาจดูสูงในตอนแรก แต่หากเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดทุนระยะยาว และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน

ด้านการบริหารความเสี่ยง

ทุกธุรกิจมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน หรือความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ต้นทุนด้านการบริหารความเสี่ยงคือค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน การวางแผน และการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าเบี้ยประกันภัย การติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัย การจัดทำแผนฉุกเฉิน หรือการสร้างทีมงานที่สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์ได้ การลงทุนในด้านนี้จะช่วยลดความเสียหาย และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

กล่าวคือการทำธุรกิจไม่ได้มีเพียงแค่การมีเงินทุนเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการบริหารจัดการต้นทุนที่หลากหลาย มีวิธีคิด ต้นทุน กำไร อย่างรอบด้าน ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ คือผู้ที่เข้าใจ และให้ความสำคัญกับต้นทุนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ ทรัพยากรบุคคล เวลา โอกาส ชื่อเสียง เทคโนโลยี และการบริหารความเสี่ยง การลงทุนในต้นทุนเหล่านี้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ลดความเสี่ยง และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในระยะยาว สำหรับว่าที่ผู้ประกอบการคนไหนที่อยากมีความรู้เกี่ยวกับการบริหารต้นทุนต่าง ๆ และต้องการปรึกษาด้านการวางแผนการเงินเพิ่มเติมสามารถปรึกษา FINN ได้ https://go.finn-app.com/finnis0424  เรามีผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำ