สายเก็บเทศกาล เอ็นจอยกับทุกงาน ทำยังไงให้ไม่เดือดร้อนทางการเงิน ?

ทำไมช่วงเทศกาลถึงทำให้ใช้เงินเกินตัวง่าย ? สัญญาณเตือนว่าเรากำลังใช้เงินเกินตัวในช่วงเทศกาล สายเก็บเทศกาล เอ็นจอยกับทุกงาน ทำยังไงให้ไม่เดือดร้อนทางการเงิน ?

ฉลองเทศกาล ใช้เงินเกินตัว
ฉลองเทศกาลแบบไม่เดือดร้อนเงินในกระเป๋า

ในช่วงปลายปีต่อเนื่องจนถึงต้นปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยเทศกาล และงานเฉลิมฉลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคริสต์มาส ปีใหม่ วันเกิดเพื่อน งานเลี้ยงบริษัท หรืองานสังสรรค์ต่าง ๆ ที่วนเข้ามาแทบทุกสัปดาห์ สำหรับหลาย ๆ คนแล้วนี่คือช่วงเวลาแห่งความสุข สนุกสนาน และได้พบปะกับคนที่รัก แต่ในอีกมุมหนึ่งช่วงเวลานี้ก็ถือเป็นช่วงที่เสี่ยงต่อการใช้จ่ายเงินเกินตัวได้ง่ายที่สุดเช่นกัน เพราะค่าใช้จ่ายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มองว่าอาจไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ เช่น ของขวัญ ชุดออกงาน ค่าเดินทาง ค่ากินดื่ม รวมถึงค่าใช้จ่ายแบบตามใจ อาจสะสมจนกลายเป็นภาระทางการเงินไม่รู้ตัว

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสายเก็บเทศกาลที่ไม่อยากพลาดทุกงาน ไม่ว่ามีกิจกรรมไหนก็พร้อมไปเอ็นจอยเต็มที่ ความสุขอาจแลกมากับค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่กระทบเงินเก็บ ค่างวดรายเดือน หรือทำให้ตึงมือในเดือนถัดไป บางคนถึงขั้นต้องใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตไปก่อน ซึ่งวิธีนี้เสี่ยงทำให้เข้าสู่ภาวะใช้เงินเกินตัว และสร้างปัญหาทางการเงินระยะยาวได้

ในบทความนี้ FINN จึงจะมาสรุปให้แบบเข้าใจง่าย ๆ ว่าเหล่าสายเก็บเทศกาลทั้งหลาย จะ เอ็นจอยกับทุกงานได้อย่างไร โดยไม่ทำร้ายการเงินของตัวเอง!

ช่วงเทศกาล ใช้เงินเกินงบ
ทำไมช่วงเทศกาลถึงใช้เงินเกินตัวง่าย ?

ทำไมช่วงเทศกาลถึงทำให้ใช้เงินเกินตัวง่าย ?

ช่วงเทศกาลมักเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนรู้สึกผ่อนคลาย สนุกสนาน และพร้อมเปิดใจกับการใช้จ่ายมากกว่าปกติ ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการใช้เงินเกินตัวได้ง่ายโดยไม่รู้ตัว ด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง การจัดโปรโมชั่นลดราคา ของขวัญที่ต้องซื้อให้คนใกล้ชิด รวมถึงกิจกรรมสังสรรค์ต่าง ๆ ล้วนเป็นตัวกระตุ้นสำคัญที่เพิ่มแรงจูงใจในการใช้เงินมากขึ้น อีกทั้งโซเชียลมีเดียยังมีบทบาทในการสร้างแรงกดดันทางสังคม ทำให้หลายคนรู้สึกจำเป็นต้องแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ไปงานทุกงาน หรือจัดหาของขวัญตามมาตรฐานที่คิดว่าควรมี ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายบานปลายเร็วยิ่งขึ้น

นอกจากนี้อีกเหตุผลสำคัญ คือ ช่วงเทศกาลมักเป็นเวลาที่ผู้คนรู้สึกว่าควรให้รางวัลตัวเองหลังจากทำงานหนักมาตลอดปี จึงมีแนวโน้มใช้จ่ายแบบตามใจตนเองสูง เช่น กินข้าวร้านอาหารดี ๆ ซื้อของราคาแพงขึ้น หรือจองทริปท่องเที่ยวอย่างกะทันหันโดยขาดการวางแผนทางการเงินที่ชัดเจน และเมื่อรวมเข้ากับค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ค่าของขวัญ ค่าเดินทาง ค่าทำบุญ หรือการเฉลิมฉลองกับครอบครัว ยิ่งทำให้การควบคุมการเงินเป็นเรื่องยาก

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ช่วงเทศกาลจึงถือเป็นช่วงที่มีความเสี่ยงต่อการใช้เงินเกินตัวมากที่สุดช่วงเวลาหนึ่งนั่นเอง

ใช้เงินเกินตัว สัญญาณ
สัญญาณเตือนว่าเรากำลังใช้เงินเกินตัว

สัญญาณเตือนว่าเรากำลังใช้เงินเกินตัวในช่วงเทศกาล

การรู้ทันสัญญาณเตือนคือก้าวแรกที่จะช่วยให้เราสามารถควบคุมการเงินได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วง เทศกาลซึ่งเป็นช่วงที่หลายคนมักเผลอใช้เงินเกินตัว มาดูสัญญาณที่บ่งบอกว่าเรากำลังใช้เงินเกินตัวไปพร้อม ๆ กัน!

  • ยอดเงินในบัญชีลดลงเร็วกว่าปกติ : หากเงินที่กันไว้สำหรับหนึ่งเดือนหมดเร็วกว่าที่เคย หรือใช้ไปมากโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นสัญญาณแรกของการใช้จ่ายเกินตัวในช่วงเทศกาล
  • เริ่มใช้บัตรเครดิตมากขึ้นโดยไม่วางแผน : การรูดบัตรแบบ “ใช้ก่อน ค่อยผ่อนทีหลัง” โดยไม่คิดถึงยอดรวมที่ต้องจ่ายหลังเทศกาล สะท้อนว่าพฤติกรรมการเงินกำลังเริ่มเสี่ยงอันตรายอย่างมาก
  • ซื้อของเพราะโปรโมชั่น หรือแรงเชียร์ ไม่ใช่ความจำเป็น : หากซื้อของเพราะกลัวพลาดดีล หรือเห็นเพื่อนในโซเชียลมี แต่ไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้จริง นั่นคือการใช้เงินตามอารมณ์มากกว่าตามแผน
  • รู้สึกผิด หรือกังวลหลังใช้เงิน : ความรู้สึกไม่สบายใจหลังซื้อของ ถือเป็นสัญญาณว่าการใช้เงินครั้งนั้นอาจเกินกำลัง หรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงินของเรา
  • ต้องยืมเงิน หรือใช้เงินสำรองฉุกเฉินเพื่อความบันเทิง : หากต้องนำเงินออม เงินสำรอง หรือเงินอนาคตมาใช้เพื่อเข้าร่วมเทศกาล แสดงว่ากำลังใช้เงินเกินตัวอย่างชัดเจน
  • เริ่มเลื่อนการจ่ายบิล หรือค่าใช้จ่ายจำเป็นออกไป : เมื่อค่าใช้จ่ายจากเทศกาลทำให้ต้องชะลอการจ่ายค่าบัตรเครดิต ค่าน้ำ ค่าไฟ หรือค่าใช้จ่ายประจำ นี่คือสัญญาณอันตรายที่ควรหยุดทันที
วิธีตั้งงบประมาณ เทศกาล
วิธีตั้งงบช่วงเทศกาล

วิธีตั้งงบใช้จ่ายช่วงเทศกาล

  • กำหนดงบรวมของเทศกาลล่วงหน้า : ตั้งวงเงินที่สามารถใช้ได้ตลอดฤดูกาล เช่น เดือนธันวาคม–มกราคม เพื่อควบคุมภาพรวมไม่ให้เกินกำลัง และใช้เป็นกรอบตัดสินใจทุกครั้งก่อนใช้เงิน
  • แบ่งงบตามประเภทค่าใช้จ่าย : แยกเป็นงบของขวัญ งบเดินทาง งบงานเลี้ยง และงบชุดออกงาน ช่วยให้รู้ว่าหมวดไหนใช้มากไป และทำการปรับลดได้ทันที
  • ทำลิสแยกต์งานเทศกาลที่ “ต้องไป” และเทศกาลที่ “ไปได้ถ้าเหลืองบ” : การให้ความสำคัญกับงานที่จำเป็น หรือสำคัญจริง ๆ ทำให้จัดสรรงบได้ดีขึ้น ลดโอกาสเผลอใช้เงินเกินตัวเพราะไปทุกงานโดยไม่จำเป็น
  • แยกเงินออม หรือ Fix Cost ให้เรียบร้อยก่อนตั้งงบเทศกาลทีหลัง : เป็นการป้องกันไม่ให้เงินสำหรับค่าใช้จ่ายจำเป็น หรือเงินออมหายไปกับความสนุกของเทศกาล
  • ตั้งงบของขวัญสำหรับเทสกาลแบบเหมาะสม : กำหนดราคาเพดานของขวัญที่จะซื้อให้ชัดเจน เช่น ชิ้นละไม่เกิน 300–500 บาท ช่วยให้คุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้นมาก
  • ใช้วิธีหารค่าใช้จ่ายกับเพื่อน : ไม่ว่าค่าห้องพัก ปาร์ตี้ หรือเดินทาง การแชร์ค่าใช้จ่ายช่วยลดภาระของแต่ละคน ทำให้สามารถเข้าร่วมเทศกาลต่าง ๆ ได้หลายงานโดยไม่หนักเกินไป
  • สำรองงบเผื่อเหตุฉุกเฉินเล็กน้อย : กันเงินประมาณ 5–10% ของงบรวมเผื่อค่าใช้จ่ายไม่คาดคิด เช่น ค่าของขวัญเพิ่มเติม หรือค่าเดินทางช่วงเวลาพีคไทม์
  • ติดตามการใช้เงินระหว่างเทศกาล : จดบันทึก หรือใช้แอปติดตามรายจ่าย เพื่อให้รู้ตลอดว่าใช้งบไปเท่าไรแล้ว และป้องกันการใช้เงินจนเกินตัวโดยไม่รู้ตัว

เพียงเท่านี้ก็สามารถเก็บครบทุกเทศกาล แบบค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย และไม่ต้องใช้เงินเกินตัวได้ แต่สำหรับใครที่เผลอตัวใช้เงินเกินงบไป และเดือนถัดไปมีบิลฉุกเฉินต้องจ่ายก็ไม่ต้องกังวลใจ เพราะสามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเอง กับ FINN มาใช้ก่อนได้ https://go.finn-app.com/finnis0424  ไม่ต้องไปกู้ยืมที่ไหน ไม่เสียสุขภาพทางการเงิน