DINK คืออะไร ? การมีลูกมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?
ทำความรู้จัก DINK ไลฟ์สไตล์ชีวิตคู่ที่เริ่มกลายเป็นที่นิยมในวงกว้างว่าคืออะไร เหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน มีลูกใช้เงินเท่าไหร่ ? ข้อดี-ข้อพึงระวังในการใช้ชีวิตคู่แบบ DINK
ด้วยสภาพเศรษฐกิจ และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตรวมถึงเป้าหมายในการใช้ชีวิตคู่ของคู่รักหลายคู่ได้เปลี่ยนแปลงไป วันนี้ FINN ขอแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับการใช้ชีวิตคู่แบบ DINK ว่าคืออะไร เป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคู่ของคนที่มีไลฟ์สไตล์แบบไหน มีข้อดี-ข้อควรระวังอย่างไร ลองอ่านทำความเข้าใจในบทความนี้กันได้เลย
DINK คืออะไร ?
กรุงเทพธุรกิจให้ข้อมูลเกี่ยวกับ DINK ว่า DINK หรือ Dual Income No Kids เป็นคำที่ใช้เรียกคู่สมรส หรือคู่รักที่มีรายได้สองทางจากการทำงานของทั้งสองคน แต่ไม่มีบุตร หรือเลือกที่จะไม่มีบุตร โดย DINK มักสะท้อนถึงการตัดสินใจทางไลฟ์สไตล์ที่มุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงทางการเงิน การลงทุนในทรัพย์สิน หรือการใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการโดยไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย และความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูบุตร แนวคิดนี้ได้รับความนิยมในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอิสระในการใช้ชีวิต และมีเวลาให้กับตัวเอง รวมถึงคู่ชีวิตมากขึ้น ทั้งนี้ DINK ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในเรื่องของการแต่งงาน และการใช้ชีวิตครอบครัวที่ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ
ไลฟ์สไตล์ชีวิตคู่แบบ DINK
ไลฟ์สไตล์แบบ DINK (Dual Income No Kids) เป็นการใช้ชีวิตของคู่รักที่มีรายได้จากทั้งสองฝ่าย แต่ไม่มีบุตร หรือเลือกที่จะไม่มีบุตร ซึ่งส่งผลให้มีอิสระทางการเงิน และเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น คู่รักแบบ DINK มักให้ความสำคัญกับการสร้างความมั่นคงทางการเงิน เช่น การลงทุน การออมเงิน หรือการวางแผนเพื่อเกษียณอายุเร็ว รวมถึงการใช้จ่ายในสิ่งที่สร้างความสุขให้กับตนเอง และคู่ชีวิต เช่น การท่องเที่ยว การรับประทานอาหารที่ดี การซื้อสินค้าหรูหรา หรือการพัฒนาตนเองในด้านต่าง ๆ ไลฟ์สไตล์นี้ยังสะท้อนถึงความต้องการที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตอบโจทย์ความสุขส่วนตัว โดยไม่ยึดติดกับความคาดหวังทางสังคมเรื่องการมีบุตร
มีลูกค่าใช้จ่ายสูงจริงหรือไม่ ?
การมีลูกถือเป็นความสุขของหลายครอบครัว แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับภาระค่าใช้จ่ายที่สูง การเลี้ยงดูลูกตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีค่าใช้จ่ายในหลายด้าน เช่น ค่าคลอด และการดูแลสุขภาพ ค่าการศึกษา ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาทักษะ และกิจกรรมเสริมต่าง ๆ โดยในประเทศไทยมีการประมาณการว่าค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกจนถึงอายุ 22 ปี จะอยู่ในช่วง 1.5-2 ล้านบาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับมาตรฐานการเลี้ยงดู และระดับการศึกษา การมีลูกจึงมีความจำเป็นที่จะต้องวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ เพื่อให้ครอบครัวมีความมั่นคง สามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกได้อย่างเหมาะสม และเพราะเหตุนี้เมื่อคู่รักหลายคู่มองว่าการมีลูกนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ค่าใช้จ่ายที่สูงมาก จึงทำให้เลือกใช้ชีวิตคู่แบบ DINK นั่นเอง
วางแผนการเงินแบบ DINK
- ทำการกำหนดเป้าหมายทางการเงินร่วมกัน : คู่รัก DINK ควรพูดคุย และกำหนดเป้าหมายทางการเงินระยะสั้น และระยะยาว เช่น การซื้อบ้าน การลงทุน หรือการวางแผนเกษียณ เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีแนวทางการใช้จ่าย และการออมที่สอดคล้องกัน
- วางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน : แม้ไม่มีบุตร คู่รัก DINK ควรจะมีเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือการสูญเสียรายได้ โดยเงินเก็บก้อนนี้ควรครอบคลุมค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6-12 เดือน
- มีการลงทุนเพื่อสร้างความมั่งคั่ง : การมีรายได้สองทาง และไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลี้ยงดูลูก ทำให้คู่รัก DINK มีโอกาสในการลงทุนที่มากขึ้น เช่น การลงทุนในกองทุนรวม หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาว
- วางแผนเกษียณอย่างรอบคอบ : คู่รัก DINK ควรวางแผนเกษียณให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายในอนาคต โดยใช้แนวทางการลงทุนที่มั่นคง และกำหนดเป้าหมายเงินออมให้เหมาะสมกับอายุ และความต้องการในอนาคต
- ทำประกันเพื่อป้องกันความเสี่ยง : ควรพิจารณาทำประกันชีวิต รวมถึงประกันสุขภาพเพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต และลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
- หมั่นตรวจสอบ และปรับแผนการเงินอย่างสม่ำเสมอ : ควรมีการทบทวน และปรับแผนการเงินทุกปี เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเงิน และเป้าหมายทางการเงินที่เปลี่ยนไปตามเวลา
ข้อดีของการใช้ชีวิตคู่แบบ DINK
- DINK ทำให้มีความมั่นคงทางการเงินมากขึ้น : ด้วยรายได้จากทั้งสองฝ่าย และไม่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก คู่รักแบบ DINK สามารถออมเงิน และลงทุนได้มากขึ้น ทำให้มีโอกาสสร้างความมั่งคั่ง และความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว
- DINK ทำให้มีอิสระในการใช้จ่าย : คู่รักสามารถใช้งบประมาณเพื่อความสุขส่วนตัว เช่น การท่องเที่ยว การซื้อของที่ต้องการ หรือการพัฒนาทักษะโดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับลูก
- DINK ช่วยลดความเครียด และความกดดัน : การไม่มีลูกช่วยลดความกดดันในการเลี้ยงดู และการจัดการภาระต่าง ๆ เช่น ค่าเล่าเรียน หรือการดูแลสุขภาพ ทำให้คู่รักสามารถโฟกัสกับชีวิตคู่ และการพัฒนาตนเองได้มากขึ้น
- DINK ทำให้มีเวลาให้กันมากขึ้น : คู่รัก DINK สามารถใช้เวลาร่วมกันในกิจกรรมที่ชื่นชอบ เช่น การเดินทาง ทานอาหารนอกบ้าน หรือทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น และมีคุณภาพ
- DINK ทำให้มีโอกาสในการพัฒนาตนเอง : ด้วยเวลาว่างที่มากขึ้น คู่รักสามารถใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ พัฒนาทักษะส่วนตัว หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงเส้นทางอาชีพ
- DINK ทำให้วางแผนชีวิตในระยะยาวได้ง่ายขึ้น : การไม่มีบุตรช่วยลดความซับซ้อนในการวางแผนชีวิต เช่น การเลือกสถานที่อยู่อาศัย การเดินทาง หรือการเกษียณ ทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายชีวิตได้อย่างยืดหยุ่น
- DINK ทำให้สามารถช่วยเหลือครอบครัว หรือผู้อื่นได้มากขึ้น : ด้วยรายได้ที่มากขึ้น และภาระที่ไม่หนักมาก คู่รัก DINK มีศักยภาพในการสนับสนุนครอบครัว หรือทำกิจกรรมเพื่อสังคม เช่น การบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ยากไร้
ข้อควรระวังของการใช้ชีวิตคู่แบบ DINK
- DINK อาจขาดการสนับสนุนทางอารมณ์ในวัยชรา : การไม่มีลูกอาจทำให้ขาดผู้ดูแล หรือสนับสนุนทางอารมณ์เมื่อเข้าสู่วัยชรา และนำไปสู่ความรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวในระยะยาว
- DINK อาจพลาดโอกาสสัมผัสความสุขจากการมีครอบครัวใหญ่ : การไม่มีลูกอาจทำให้พลาดโอกาสสัมผัสความสุข และความผูกพันจากการเลี้ยงดูลูก หรือการมีหลานในอนาคต
- ความคาดหวังจากครอบครัว และสังคม : ในบางวัฒนธรรม การไม่มีบุตรอาจถูกมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ หรือไม่ได้ปฏิบัติตามบทบาทที่คาดหวัง ทำให้เกิดความกดดัน หรือคำวิจารณ์จากครอบครัว และสังคม
- การจัดการมรดก และทรัพย์สิน : การไม่มีบุตรอาจทำให้เกิดความยุ่งยากในการจัดการมรดก และทรัพย์สินในอนาคต เนื่องจากไม่มีทายาทโดยตรงที่จะรับช่วงต่อ
- DINK อาจขาดแรงผลักดันในการพัฒนาตนเอง : การไม่มีบุตรอาจทำให้ขาดแรงจูงใจในการพัฒนา หรือสร้างอนาคตที่ดีขึ้นสำหรับครอบครัว เนื่องจากไม่มีบุคคลที่ต้องรับผิดชอบหรือดูแล
- ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในระยะยาว : คู่รักที่ไม่มีบุตรอาจต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ให้น่าสนใจ และมีความหมายต่อกันอยู่เสมอ เนื่องจากไม่มีปัจจัยอื่น เช่น การเลี้ยงดูลูก มาเสริมสร้างความผูกพัน
- ความเสี่ยงในการขาดความหลากหลายในชีวิต : การไม่มีบุตรอาจทำให้ชีวิตคู่ดูเรียบง่ายเกินไป หรือขาดความหลากหลายจากบทบาทของการเป็นพ่อแม่ และอาจทำให้เกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในบางช่วงของชีวิต
- ข้อจำกัดในการใช้ประโยชน์จากสิทธิ และสวัสดิการ : การไม่มีบุตรอาจทำให้ไม่สามารถใช้สิทธิ หรือสวัสดิการที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูบุตร เช่น การลดหย่อนภาษีหรือเงินช่วยเหลือจากรัฐได้
สำหรับใครที่มีเป้าหมายในการใช้ชีวิตคู่แบบ DINK อย่างแน่นอนแล้วก็สามารถเริ่มวางแผนการเงินในอนาคตกันได้ สิ่งสำคัญของการวางแผนการเงินก็คือไม่สร้างหนี้สินที่จะเป็นภาระผูกพันกันไปอีกยาวไกล เดือนไหนมีบิลฉุกเฉินต้องจ่ายสามารถเบิกเงินเดือนล่วงหน้าของตัวเองมาใช้ กับ FINN ก่อนได้ https://go.finn-app.com/finnis0424 ไม่ต้องไปขอสินเชื่อที่ถือเป็นการสร้างหนี้เพิ่มเติมนั่นเอง